จองที่พักราคาถูกทั่วประเทศโทร 053266550-2

เชียงใหม่ - ข้อมูลเกี่ยวกับเชียงใหม่ - ที่พัก โรงแรม การเดินทาง วัดจังหวัดเชียงใหม่ ร้านอาหาร สถานที่เที่ยวกลางวัน กลางคืน ฯลฯ => แนะนำสถานทีเที่ยว ในจังหวัดเชียงใหม่-สถานที่ท่องเที่ยวเชียงใหม่ => ข้อความที่เริ่มโดย: Forever ฺBlessing ที่ กรกฎาคม 27, 2009, 04:36:48 PM



หัวข้อ: อาบน้ำแร่แบบไทยๆที่น้ำพุร้อนสันกำแพง
เริ่มหัวข้อโดย: Forever ฺBlessing ที่ กรกฎาคม 27, 2009, 04:36:48 PM
ไปอ่านบทความนี้มาค่ะ ทำให้รู้สึกอยากไปเที่ยวน้ำพุร้อนสันกำแพงขึ้นมา(ขนาดอยู่เชียงใหม่มาตั้งนานไม่นึกอยากไปสักที พออ่านแล้วต้องเปลี่ยนใจซะแล้ว   :11:

   อาบน้ำแร่แบบไทยๆที่น้ำพุร้อนสันกำแพง / วินิจ รังผึ้ง

       ชาวญี่ปุ่นนับเป็นชนชาติที่ชื่นชอบการอาบน้ำแร่แช่น้ำร้อนเป็นอย่างยิ่ง อาจจะเป็นเพราะเป็นประเทศที่มีอากาศหนาวเย็น และเป็นประเทศที่ตั้งอยู่บนเกาะที่มีภูเขาไฟ มีบ่อน้ำพุร้อนผุดขึ้นมามากมายกระจายอยู่ทั่วประเทศกว่า 20,000 แห่ง เรียกว่าเหมือนเป็นแผ่นดินที่ตั้งอยู่บนหม้อต้มน้ำร้อนของโลกก็ว่าได้ ชาวญี่ปุ่นจึงได้ใช้ประโยชน์จากพลังงานความร้อนมาผลิตกระแสไฟฟ้า และมาใช้ประโยชน์ในการให้ความอบอุ่นตามบ้านเรือน รวมทั้งใช้แช่ใช้อาบ เพื่อสุขภาพในชีวิตประจำวันไปด้วย
       
       ตามความเชื่อของชาวญี่ปุ่นนั้นเชื่อการอาบน้ำแร่ร้อนจะเป็นการ กระตุ้นโลหิตให้หมุนเวียน ทำให้มีผลดีแก่ผิวพรรณ และระบบประสาท กล้ามเนื้อ และเส้นเอ็น รวมทั้งทำให้สุขภาพแข็งแรงมีภูมิคุ้มกันความหนาวเย็นและโรคภัยไข้เจ็บได้ดี ชาวญี่ปุ่นจึงมีวัฒนธรรมการอาบน้ำรวมกันในที่อาบน้ำสาธารณะมาตั้งแต่สมัย โบราณ และวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะก็คือการอาบน้ำในห้องอาบน้ำสาธารณะแบบ ญี่ปุ่นนั้นทุกคนจะต้องเปลือยกายอาบอย่างเท่าเทียมกัน ไม่มีเครื่องแบบ ไม่มียศฐาบรรดาศักดิ์ ที่นี่นับเป็นสถานที่เดียวที่ชาวนาสามารถจะมีฐานะเท่าเทียวกับซามูไร ซึ่งที่อาบน้ำสาธารณะนั้นมี 2 แบบคือ เซนโต ซึ่งเป็นที่อาบน้ำร้อนแบบที่ใช้น้ำจากการต้มการปรับอุณหภูมิ ไม่ได้ใช้น้ำจากน้ำแร่ธรรมชาติ เซนโตนั้นมักจะตั้งอยู่กลางเมืองใหญ่ที่ไม่มีแหล่งน้ำแร่จากธรรมชาติ และแบบที่เรียกว่าออนเซน หรืออ่างอาบน้ำแร่จากน้ำพุร้อนในธรรมชาติซึ่งเป็นที่โปรดปรานที่สุดของบรรดา นักอาบนักแช่ทั้งหลาย
       
       ใครที่เคยลองไปอาบน้ำแร่แช่น้ำร้อนในออนเซนที่ญี่ปุ่นมาแล้วคงจะมี ความรู้สึกที่คล้ายๆกันอย่างหนึ่งคือความรู้สึกกล้าๆกลัวๆ และจะออกไปทางกลัวๆ เสียมากกว่า เพราะวัฒนธรรมการอาบน้ำของคนไทยเมืองร้อนอย่างเรานั้นมันช่างต่างกับ วัฒนธรรมการอาบน้ำของชาวญี่ปุ่นอย่างสิ้นเชิง ด้วยชาวญี่ปุ่นนั้นเขาถือเป็นเรื่องธรรมดาสามัญเพราะการอาบน้ำร้อนแช่น้ำ ร้อนในอ่างน้ำที่บ้านนั้น การที่พ่อ แม่ และลูกๆ จะลงไปอาบลงไปแช่ด้วยกันก็เป็นเรื่องธรรมดาในชีวิตประจำวัน ในขณะที่วัฒนธรรมการอาบน้ำแบบไทยๆนั้นเรานั้น แม้แต่อาบคนเดียวในห้องน้ำที่มิดชิด แต่หลังคาเปิดโล่งให้เห็นท้องฟ้า ให้อาบไปชมดาวชมเดือนไป บางคนยังรู้สึกเขินๆตัวเองเลยครับ นับประสาอะไรจะไปอาบรวมแบบไม่มีอะไรปกปิดร่วมกับชาวบ้าน
       
       แม้น เมืองไทยจะไม่มีวัฒนธรรมการอาบน้ำแร่แบบญี่ปุ่น และไม่ได้มีแหล่งน้ำแร่มากมายเช่นนั้น แต่ในปัจจุบันที่การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพกำลังได้รับความนิยม ทำให้มีสปารีสอร์ทเกิดขึ้นมากมาย การอาบน้ำแร่ที่ได้จากน้ำแร่ร้อนจากแหล่งน้ำพุตามธรรมชาติ จึงเริ่มจะได้รับความสนใจจากผู้คน ซึ่งแม้นน้ำพุร้อนตามธรรมชาติที่กระจายกันอยู่ในจังหวัดต่างๆ จะเคยเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ผู้คนรู้จักกันมาอย่างเนิ่นนาน แต่ในอดีตนั้นเราก็ใช้น้ำพุร้อนตามบ่อต่างๆเพียงแค่เป็นที่นำไข่ลงไปต้มขึ้น มาตั้งวงกินกัน หรืออย่างดีก็ถ่ายรูปกลับมาเป็นที่ระลึก ไม่ค่อยมีกิจกรรมแช่น้ำแร่กันเป็นกิจจะลักษณะ ก็อย่างว่านั้นแหละครับ เมืองไทยเป็นเมืองร้อน กว่าจะเดินเข้าไปถึงบ่อน้ำพุก็ร้อนแทบจะแย่อยู่แล้ว จะให้ลงไปอาบไปแช่อีกหลายคนคงไม่เอาด้วย แต่เมื่อกระแสสุขภาพมาแรง และการศึกษาวิจัยก็พิสูจน์ให้เห็นว่าการอาบน้ำแร่นั้นมีประโยชน์ต่อร่างกาย แหล่งน้ำพุร้อนหลายๆแห่งจึงมีการปรับปรุง มีการจัดทำห้องอาบน้ำแร่ที่ได้มาตรฐานไว้รองรับผู้มาใช้บริการ น้ำแร่ที่ผุดพรายไหลหลากขึ้นมาจึงมีคุณค่าและเกิดประโยชน์สำหรับผู้คนมาก ยิ่งขึ้น และหนึ่งในจำนวนแหล่งน้ำพุร้อนเก่าแก่แห่งหนึ่งของเมืองไทยที่ได้รับการ พัฒนาปรับปรุงขึ้นมาก็คือน้ำพุร้อนสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่
       
       ในอดีตนั้นรอบบริเวณน้ำพุร้อนสันกำแพงมีลักษณะเป็นเพียงทุ่งหญ้า มีน้ำพุร้อนผุดพรายขึ้นมาจากใต้ดินจนเกิดธารน้ำร้อนไหลเอื่อยไปตามลานทุ่ง เมื่อชาวบ้านเข้ามาเจอก็ใช้เป็นที่พักใช้เป็นทุ่งเลี้ยงสัตว์ ต้อนวัวต้อนควายเข้ามาเลี้ยง หน้าหน่อไม้ออกก็นำหน่อไม้ที่หาได้มาต้มน้ำต้มน้ำร้อน จนเมื่อประมาณปี พ.ศ. 2515 ประเทศไทยเริ่มประสบกับวิกฤตการณ์น้ำมันขาดแคลน รัฐบาลจึงได้มอบหมายให้กรมทรัพยากรธรณีกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย เข้ามาสำรวจแหล่งพลังงานความร้อนใต้ดินเพื่อศึกษาความเป็นไปได้ที่จะใช้ใน การตั้งโรงงานผลิตกระแสไฟฟ้าทดแทนการใช้น้ำมัน ซึ่งเมื่อทำการเจาะสำรวจและศึกษาแล้วก็พบว่าไม่คุ้มค่ากับการลงทุนจึงได้ล้ม เลิกไป หลังจากนั้นทางการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ก็ได้เข้ามาพัฒนาขึ้นเป็นแหล่งท่องเที่ยวแทน โดยใช้งบประมาณพัฒนาปรับปรุงภูมิทัศน์รอบข้างในพื้นที่ 75 ไร่ จัดสร้างห้องอาบน้ำแร่ สร้างที่พัก และจัดให้ชาวบ้านในท้องถิ่นได้มีส่วนร่วมในการบริหารงานในรูปแบบของสหกรณ์ น้ำพุร้อนสันกำแพงตั้งแต่ปี พ.ศ.2527
       
       ใครที่เคยเดินทางไปเที่ยวชมน้ำพุร้อนที่สันกำแพงในช่วงเวลาหลายปี แล้วอาจจะบอกว่า ไม่ค่อยมีอะไรน่าสนใจผมอยากจะขอแนะนำว่าหากมีเวลาและมีโอกาสไปเที่ยว เชียงใหม่ในวันนี้ก็ลองแวะไปดูใหม่ เพราะรอบบริเวณน้ำพุร้อนสันกำแพงในวันนี้เขาได้จัดแต่งพื้นที่อย่างร่มรื่น สวยงาม น่าพักผ่อน เส้นทางเข้าถึงก็สะดวกสบาย และอยู่ในเส้นทางท่องเที่ยวยอดนิยมที่เมื่อเดินทางมาเที่ยวชมเส้นทาง หัตถกรรมสายบ่อสร้าง แวะดูการทำร่ม และเลือกซื้อผ้าไหม เครื่องปั้นดินเผา เครื่องไม้แกะสลัก และซื้อร่มกระดาษติดไม้ติดมือกันแล้ว ก็เดินทางต่อมุ่งสู่อำเภอสันกำแพง มีป้ายบอกทางให้เห็นเด่นชัดมาจนถึงน้ำพุร้อนสันกำแพง ซึ่งระยะทางห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่ราว 34 กิโลเมตร จอดรถไว้ที่ลานจอดแล้วซื้อบัตรผ่านประตูบำรุงสหกรณ์คนละ 20 บาท แล้วเดินมาตามทางที่จัดแต่เป็นสวนดอกไม้หลากสีสวยงาม เมื่อเดินผ่านสวนดอกไม้มาแล้วก็จะเข้าสู่บริเวณที่มีแมกไม้ร่วมรื่น มีธารน้ำแร่ร้อนไหลคดเคี้ยวผ่านแมกไม้ ซึ่งทางสหกรณ์ได้จัดแต่งธารน้ำร้อนขนาดกว้างราว 2 เมตร ให้ไหลซอกซอนสองฝั่งธารน้ำเป็นที่นั่งให้นักท่องเที่ยว ผู้เฒ่าผู้แก่ได้ห้อยขาแช่เท้าในน้ำแร่ ในขณะที่เด็ก ๆ วัยสนุกสนานลงไปนอนแช่เล่นกันทั้งตัวอย่างสนุกสนาน ด้านปลายทางของสายน้ำก็จะมีอุณหภูมิแค่อุ่นๆ แต่เมื่อย้อนสายธารน้ำแร่ขึ้นไปใกล้ตัวน้ำพุร้อนมากขึ้น อุณหภูมิของน้ำในลำธารก็จะร้อนมากขึ้นด้วย ซึ่งการแช่น้ำแร่ร้อนนั้นแม้จะใช่เพียงแค่เท้าหรือแค่เข่า ก็ขอแนะนำว่าให้ค่อยๆแตะๆ ค่อยๆจุ่มๆให้เท้าให้ร่างกายปรับตัวเสียก่อน ไม่ใช่ไปถึงเห็นเขาแช่กันอยู่ก่อนท่าทางสบายๆก็จุ่มพรวดลงไปเลย เดี๋ยวจะจะสะดุ้งโหยงชักกลับขึ้นมาไม่ทัน เพราะแช่ใหม่ๆจะรู้สึกว่าร้อนมาก แต่แช่ไปนานๆ ก็จะไม่รู้สึกร้อน บริเวณธารน้ำรอบๆนี้แช่ฟรีครับ จะแช่นานเท่าไรก็ได้ แต่หากใครที่สนใจจะอาบน้ำแร่ในห้องอาบเขาก็มีห้องอาบที่มีมาตรฐานไว้บริการ แถมยังมีสระว่ายน้ำรวมที่สวยงามทันสมัยไว้ให้ลงเล่นลงแช่ด้วย ซึ่งสระว่ายน้ำที่นี่เขาใช้น้ำแร่ที่ปรับอุณหภูมิให้อุ่นพอดีๆ ไว้ให้อาบให้แช่กันอย่างชุ่มฉ่ำใจ ยิ่งไปกันเป็นหมู่คณะยิ่งสนุก แต่อย่างที่เตือนไว้นั่นแหละครับ ไม่ว่าจะเป็นน้ำแร่ในสระใหญ่ หรือในอ่างตามห้องอาบ ต้องค่อยๆลงแช่อย่างค่อยเป็นค่อยไป ไม่ใช่โดดลงไปเลยนะครับเดี๋ยวสุกทั้งตัวจะหาว่าไม่เตือน การลงอาบที่ถูกต้องควรเริ่มจากจุ่มมือลงสัมผัสน้ำดูก่อน จากนั้นก็วักน้ำอุ่นขึ้นมาราดตัวราดเท้าแล้วค่อยๆจุ่มเท้าลงไป จากนั้นจึงค่อยๆปรับตัวค่อยๆแช่ลงไปทีละนิด จนรู้สึกว่าร่างกายปรับสภาวะได้แล้วก็ลงแช่ทั้งตัว การแช่น้ำแร่ร้อนนั้นไม่ควรแช่นานเกินไป เพราะอาจจะเกิดอาการหน้ามืดเป็นลมได้ ควรแช่ราว 5-10 นาทีแล้วขึ้นมาพักขึ้นมาเดินแล้วค่อยลงไปแช่ใหม่
       
       ร่ส่วนตัวไว้ให้แช่กันได้ตามใจชอบค่าบริการก็แสนจะถูกเมื่อเทียบกับ เรียวกังหรือออนเซนในญี่ปุ่น เพราะที่นี่เขาคิดค่าบริการเพียงคืนละ 1,000 บาท และ1,200 บาทต่อหลังเท่านั้น หรือใครจะชอบบรรยากาศเขียวขจีร่มรื่นกลางคืนนอนนับดาว เขาก็มีเต็นท์ให้เช่าหลังละ 100 บาทต่อคืน มีบริการร้านอาหาร ร้านกาแฟสด และบริการนวดตัวนวดเท้าเพื่อสุขภาพเปิดบริการอีกด้วย เห็นไหมครับว่าท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพกับออนเซนแบบไทยๆที่น้ำพุร้อนสันกำแพง นั้นราคาประหยัดแค่ไหน
       
       หลายคนไปเที่ยวชมน้ำพุร้อนสันกำแพงแล้ว สิ่งหนึ่งที่อดจะตื่นตาตื่นใจไม่ได้ก็คงเป็นบริเวณน้ำพุที่พุ่งขึ้นมาจากใต้ ดินพุ่งสูงเป็นลำเป็นสายและแตกพรายเป็นละอองน้ำในอากาศสูงกว่า 20 เมตร มองดูแล้วก็ให้รู้สึกถึงแรงดันอันเดือดพล่านมหาศาลจากพลังงานใต้ผืนโลกที่มี แรงพุ่งขึ้นไปสูงมากมายขนาดนั้น สูงไม่แพ้น้ำพุร้อนดังๆในต่างประเทศเลยทีเดียว ก็คงต้องแอบกระซิบเป็นความลับที่รู้แล้วอย่าไปบอกใคร โดยเฉพาะฝรั่งต่างชาติ(ถ้าเขาไม่ถาม) เพราะความจริงแล้วน้ำพุร้อนที่สันกำแพงนี้ไม่ได้พุ่งสูงขึ้นไปเสียดฟ้าด้วย แรงตามธรรมชาติ แต่เป็นการพุ่งขึ้นไปด้วยเทศนิคการอัดความดันที่สร้างขึ้น แต่ได้มีการปรับแต่พื้นที่ให้ใกล้เคียงกับธรรมชาติสูงสุด จนไม่บอกก็แทบจะไม่มีใครรู้ แต่อย่างไรก็ตามสถิตินักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศก็ยังมีเข้าไปเที่ยวชมกัน ไม่มี เพียงราว 5 เปอร์เซนต์เท่านั้น นอกนั้นเป็นนักท่องเที่ยวคนไทยทั้งหมด ซึ่งนั่นอาจจะเป็นเพราะเรายังไม่ได้มีการทำประชาสัมพันธ์เจาะไปยังกลุ่มนัก ท่องเที่ยวเหล่านั้นก็เป็นได้
       
       หลังจากจบงานมหกรรมพืชสวนโลกเฉลิมพระเกียรติเมื่อต้นปีที่ผ่านมา เชียงใหม่ทั้งเมืองที่เคยคึกคักนักท่องเที่ยวล้นเมืองจนต้องไปพักวัด หรือกระจายออกไปพักกันตามจังหวัดใกล้เคียง วันนี้เชียงใหม่ค่อนข้างจะดูเงียบเหงาว่างเปล่าจากนักท่องเที่ยวอย่างแต่ ก่อนจนบรรดาโรงแรม รีสอร์ทบ่นกันเป็นแถว ก็คงต้องขอเชิญชวนท่านผู้อ่านว่าเชียงใหม่ในฤดูฝนนั้นสวยงามเขียวขจี อากาศดีน่าเที่ยว ยิ่งช่วงนี้ราคาที่พักหลายแห่งก็ลดราคาลงมากว่าครึ่ง ไม่ได้แพงหูดับตับไหม้และไม่ง้อลูกค้าเหมือนช่วงงานมหกรรมพืชสวนโลกแล้ว มีโอกาสก็กลับไปเที่ยวเชียงใหม่กันเถอะครับ เชียงใหม่กลางฤดูฝนเช่นนี้ บรรยากาศดี ที่พักถูก อาหารอร่อย ไม่ต้องแย่งกันกินไม่ต้องแย่งกันเที่ยว แล้วอย่าลืมไปนอนอาบน้ำแร่ที่สันกำแพงกันนะครับ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก http://www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9500000077411


หัวข้อ: Re: อาบน้ำแร่แบบไทยๆที่น้ำพุร้อนสันกำแพง
เริ่มหัวข้อโดย: love_travel ที่ กรกฎาคม 29, 2009, 04:20:57 PM
 :5569fb93: ลองไปแช่น้แร่กันค่ะ เพื่อสุขภาพ ทำให้ผ่อนคลายและระบบไหลเวียนโลหิตดีค่ะ


หัวข้อ: Re: อาบน้ำแร่แบบไทยๆที่น้ำพุร้อนสันกำแพง
เริ่มหัวข้อโดย: auto ที่ กรกฎาคม 30, 2009, 11:05:33 AM
ขอบคุณครับ  :16: :16:


หัวข้อ: Re: อาบน้ำแร่แบบไทยๆที่น้ำพุร้อนสันกำแพง
เริ่มหัวข้อโดย: nantiya2007 ที่ สิงหาคม 21, 2009, 07:03:39 PM
อยากไปอาบมั่งจังเลย :10: :10: :11:


หัวข้อ: Re: อาบน้ำแร่แบบไทยๆที่น้ำพุร้อนสันกำแพง
เริ่มหัวข้อโดย: auto ที่ ตุลาคม 18, 2009, 09:24:12 PM
(http://teawchiangmai.com/chiangmaiboard/index.php?action=dlattach;topic=1405.0;attach=7575;image)

ดูภาพสวยๆ เพิ่มเติม ได้ที่

http://teawchiangmai.com/chiangmaiboard/index.php/topic,1405.0.html



หัวข้อ: Re: อาบน้ำแร่แบบไทยๆที่น้ำพุร้อนสันกำแพง
เริ่มหัวข้อโดย: bitthailand2012 ที่ ธันวาคม 07, 2012, 12:21:11 PM
 :01:  สวยมากกกกก เรย ไปมาแร้ว อิอิ