จองที่พักราคาถูกทั่วประเทศโทร 053266550-2

เชียงใหม่ - ข้อมูลเกี่ยวกับเชียงใหม่ - ที่พัก โรงแรม การเดินทาง วัดจังหวัดเชียงใหม่ ร้านอาหาร สถานที่เที่ยวกลางวัน กลางคืน ฯลฯ => เชียงใหม่ เที่ยว - โพสรูปประทับใจ ที่เที่ยวในเชียงใหม่ => ข้อความที่เริ่มโดย: animaturk ที่ กรกฎาคม 27, 2009, 04:22:50 PM



หัวข้อ: วัดพระธาตุดอยสุเทพ เชียงใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: animaturk ที่ กรกฎาคม 27, 2009, 04:22:50 PM
(http://www.thaitravelcommunity.com/images/child_ttc_icon.png) Wat Prathat Doi Suthep Temple in Chiang Mai Thailand

(http://www.thaitravelcommunity.com/images/child_ttc_icon.png) วัดพระธาตุดอยสุเทพ (http://www.thaitravelcommunity.com/travelcommunity/index.php?topic=76.0) เป็นพระอารามหลวง ชั้นโท ชนิดราชวรวิหาร

ตามประวัติได้แจ้งว่า เมื่อต้นพุทธศตวรรษที่ 19 พระเจ้ากือนา ได้ทรงสร้างวัดพระธาตุดอยสุเทพ (http://www.thaitravelcommunity.com/travelcommunity/index.php?topic=76.0)ราชวรวิหารไว้บนยอด เขาดอยสุเทพ โดยได้นำเอาพระบรมธาตุ ของพระพุทธเจ้า ที่พระมหาสวามี นำมาจากเมืองปางจา จังหวัดสุโขทัย บรรจุไว้ในองค์พระเจดีย์พระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร (http://www.thaitravelcommunity.com/travelcommunity/index.php?topic=76.0) นอกจากจะเป็นวัดที่มีความสำคัญมากแล้ว ยังเป็นพระอารามหลวง 1 ใน 4 ของจังหวัดเชียงใหม่อีกด้วย (พระอารามหลวงหมายถึง วัดที่อยู่ในความอุปถัมภ์ของพระเจาอยู่หัวฯ) ชาวเชียงใหม่เคารพนับถือพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร (http://www.thaitravelcommunity.com/travelcommunity/index.php?topic=76.0)มากเสมือนหนึ่งเป็นวัดคู่ บ้านคู่เมืองเชียงใหม่มาแต่โบราณกาล
          กล่าวถึงราชวงศ์มังราย เป็นวงศ์ของกษัตริย์ที่ทรงปกครองเมืองเชียงใหม่มาตามลำดับ ซึ่งพญามังรายได้สร้างเมืองเชียงใหม่ในปี พ.ศ. 1839 ต่อมาได้มีกษัตริย์ผู้ครองนครเชียงใหม่ ผู้ทรงทำนุบำรุงพระพุทธศาสนามาตามลำดับ ดังนี้
      1. พญาเม็งรายมหาราช พ.ศ.1804 ผู้สร้างเมืองเชียงใหม่
      2. พญามังคราม พ.ศ.1854 3. พญาแสนพู พ.ศ.1868
      4. พญาคำฟู พ.ศ.1877
      5. พญาผายู พ.ศ.1879
      6. พญากือนา พ.ศ.1898 ผู้สร้างวัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร  (http://www.thaitravelcommunity.com/travelcommunity/index.php?topic=76.0)
      7. พญาแสนเมืองมา พ.ศ.1928
      8. พญาสามฝั่งแกน พ.ศ.1945
      9. พญาติโลกราช พ.ศ.1984 ผู้ทำนุบำรุงวัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร  (http://www.thaitravelcommunity.com/travelcommunity/index.php?topic=76.0)
      10. พญายอดเชียงราย พ.ศ.2030
      11 . พญาเมืองแก้ว พ.ศ.2038
      12. พญาเมืองเกษกล้า พ.ศ.2068 ผู้ซ่อมแซมวัดพระธาตุ ดอยสุเทพราชวรวิหาร (http://www.thaitravelcommunity.com/travelcommunity/index.php?topic=76.0)ครั้งใหญ่
      13. ท้าวชายคำ พ.ศ.2081 ผู้ก่อ สร้างเพิ่มเติมในวัดพระธาตุ ดอยสุเทพราชวรวิหาร  (http://www.thaitravelcommunity.com/travelcommunity/index.php?topic=76.0)
      14. พญาเมืองเกษกล้า พ.ศ.2086
      15. พระนางจิรประภา พ.ศ.2088
      16. พญูาอุปเยาว์ พ.ศ.2089
      17. ท้าวแม่กุ พ.ศ.2094
      18. พระนางวิสุทธเทวี พ.ศ.2107-2121
หมายเหตุ
      พญาเมืองเกษเกล้า ปกครอง 2 สมัย ตั้งแต่ปี พ.ศ.2121 พม่าได้เลิกแต่งตั้งกษัตริย์ราชวงศ์เม็งราย เพราะต้องไปขึ้นตรงต่อกรุงเทพฯ

(http://www.thaitravelcommunity.com/images/child_ttc_icon.png) พระบรมธาตุ
 พระบรมธาตุ หมายถึง พระอัฐิที่ผุกร่อนหรือเถ้าถ่านของพระพุทธเจ้า ซึ่งมารวมตัวอัดแน่นเป็นก้อนแข็งราวกับแร่ธาตุชนิดหนึ่งแล้วก็ตกผลึกมีแสง แวววาวระยิบระยับ ประหนึ่งก้อนหยกที่ถูกเจียรไนแล้ว ขนาดสัณฐานของพระบรมธาตุมีลักษณะกลมเล็กสะท้อนแสง ขนาดเท่าเม็ดถั่วเขียว พระบรมธาตุที่แท้จริงจะสำแดงนิมิตปาฏิหารย์ได้ โดยทั่วไปจะมีสีแสงโชติช่วงในเวลากลางคืนและมีพลังอำนาจในตัวของมันเอง จะมีทั้งแยกธาตุ - รวมธาตุและสลายธาตุหายไป ได้โดยพลังอำนาจฉับพลันราวกับปาฏิหารย์ ชาวพุทธนิยมเก็บพระบรมธาตุไว้ในเจดีย์ หรือไม่ก็ขุดฝังไว้ภายใต้องค์พระเจดีย์ เพื่อป้องกันการถูกโจรกรรมทั้งยังเป็นการสร้างสถานที่สำคัญไว้เคารพบูชาของ คนและเทวดาทั้งหลาย และยังเป็นเรื่องแปลกประหลาดมหัศจรรย์อย่างยิ่งที่พระบรมธาตุมีพลานุ ภาพอย่างมาก หากใครได้ยินได้ฟังแล้วก็อยากจะมาเยี่ยมชมและกราบไหว้นมัสการองค์พระเจดีย์ อยู่มิได้ขาด

(http://www.thaitravelcommunity.com/images/child_ttc_icon.png) ตำนานพระบรมธาตุดอยสุเทพ

 ในพุทธศตวรรษที่ 19 ได้มีพระภิกษุชาวลังการูปหนึ่ง ชื่อว่าพระสุมนเถระ เป็นพระที่มีความรู้แตกฉานในเรื่องพระธรรมวินัยและรอบรู้ในพระไตรปิฏกเป็น อย่างดี และเป็นที่เคารพนับถือของคนทั่วไป พระสุมนเถระรูปนี้เข้ามาสุโขทัยเพื่อเผยแพร่พระพุทธศาสนานิกายเถราวาทแบบ ลังกา โดยเฉพาะที่อำเภอศรีสัชชนาลัยและสวรรคโลก นับได้ว่าพระพุทธศาสนานิกายเถราวาทได้เจริญรุ่งเรืองอย่างรวดเร็วในสุโขทัย ยุคนั้นภายในช่วงเวลาไม่นานนัก
                 ตามตำนานเล่าว่าคืน หนึ่งขณะพระสุมนเถระกำลังนอนหลับ มีเทวดาองค์หนึ่งมาบอกว่า ในสมัยพระเจ้าธรรมมาโศกราช พระองค์ได้ทรงสร้างพระเจดีย์องค์หนึ่งบรรจจุพระบรมธาตุของพระพุทธเจ้าไว้ ขณะนี้เจดีย์องค์นั้นได้ชำรุดทลายพังลงมาหมดแล้ว ไม่มีใครทราบชัดเจนว่าเจดีย์นั้นตั้งอยู่ตรงไหน เทวดายังบอกต่อไปอีกว่า ให้ท่านไปเมืองปางจาอยู่บนถนนสายสุโขทัย-ศรีสัชชนาลัย (หมายถึงสวรรคโลกในปัจจุบัน) ภายในซากโบราณสถานเหล่านั้น คือฐานที่ตั้งขององค์พระเจดีย์ โดยจะมีพุ่มดอกเข็มกอหนึ่งมีรูปลักษณะเหมือนม้านั่งขึ้นอยู่แทนที่ภายใต้ พุ่มดอกเข็มนั้นจะมีผอบบรรจุพระบรมธาตุพระพุทธเจ้าอยู่ ขอให้ท่านไปขุดเอาไว้สักการะบูชาและเก็บไว้ในที่อันสมควรด้วย

 
        วันรุ่งขึ้นหลังจากให้คนงานสมาทานศีล 5 ทั่วกันแล้ว ท่านจึงสั่งให้ลงมือขุดดินตรงบริเวณพุ่มดอกเข็ม พอขุดลงไปสักครู่หนึ่งก็พบอิฐปูลาดอยู่ เมื่อยกอิฐออกหมดก็พบแผ่นศิลา เมื่องัดแผ่นศิลาขึ้นมาก็ได้พบผอบทองเหลือง เปิดผอบทองเหลืองออกพบผอบเงิน เปิดผอบเงินพบผอบทองคำ เปิดผอบทองคำพบผอบแก้วประพาฬ
             
 
        เมื่อ เปิดผอบแก้วประพาฬออกจึงพบพระบรมธาตุขนาดเท่าผลทับทิม เนื่องจากพระบรมธาตุขนาดใหญ่เกินไป พระสุมนเถระจึงเกิดความสงสัยว่าจะไม่ใช่พระธาตุหลังจากพยายามอยู่ครู่หนึ่ง ก็พบว่าสิ่งที่เข้าใจว่าเป็นพระธาตุนั้นที่แท้เป็นผอบอีกชั้นหนึ่ง เมื่อเปิดผอบนั้นออกมาจึงพบพระบรมธาตุที่แท้จริง 1 องค์มีขนาดสัณฐานเท่าเม็ดถั่วเขียว มีสีสวยงามดังสีทอง
พระสุมนเถระได้นำพระบรมธาตุไปให้พระ เจ้าฤไททอดพระเนตรที่ศรีสัชชนาลัย พระองค์ทรงปลื้มปิติอย่างยิ่งและได้จัดสร้างพลับพลาพิเศษสำหรับเก็บรักษาพระ บรมธาตุโดยตรง พระองค์ได้อัญเชิญพระบรมธาตุเจ้าประดิษฐาน ณ พลับพลาพิเศษดังกล่าวพร้อมกับก้มกราบลงตรงหน้าพระบรมธาตุนั้นด้วยความเคารพ และบูชาอย่างยิ่ง ทันใดนั้นก็เกิดสิ่งมหัศจรรย์ขึ้นมีแสงโชติช่วงไปทั่วพลับพลาแห่งนั้นอย่าง งดงามตระการตา ย้ายพระบรมธาตุไปสุโขทัย ข่าวการค้นพบพระบรมธาตุตลอดถึงปรากฏการณ์ปาฏิหารย์ของพระบรมธาตุได้แผ่ กระจายไปยังหัวเมืองต่างๆ
        พระเจ้าธรรมราชา แห่งกรุงสุโขทัยได้เกิดสนพระทัยใคร่อยากจะทอดพระเนตรจึงส่งผู้แทนเดินทางไป เมืองศรีสัชชนาลัย เพื่อนิมนต์พระสุมนเถระพร้อมกับพระบรมธาตุให้ย้ายไปอยู่กรุงสุโขทัย ก่อนที่พระสุมนเถระจะนำพระบรมธาตุมาถึง ทางพระเจ้าธรรมราชาจึงทรงปิติยินดีและได้ตระเตรียมสถานที่พร้อมทั้งสิ่งของ สำหรับสักการะบูชาพระบรมธาตุไว้พร้อม เมื่อสุมนเถระนำพระธาตุมาถึงพระเจ้าธรรมราชาก็ประกอบพิธีสักการะบูชาพระ บรมธาตุอย่างถูกต้องตามสมควรแล้ว แต่เป็นเรื่องที่น่าแปลกประหลาดที่ไม่มีสิ่งมหัศจรรย์เกิดขึ้นใดๆ ทั้งสิ้น ทำให้พระองค์ทรงผดหวังมาก และเกิดความสงสัยในตัวจริงของพระบรมธาตุพระองค์ถึงกับทรงรับสั่งให้พระสุมน เถระให้เก็บรักษาพระบรมธาตุไว้ด้วยตนเอง

(http://www.thaitravelcommunity.com/travelcommunity/index.php?action=dlattach;topic=76.0;attach=1965;image)

(http://www.thaitravelcommunity.com/travelcommunity/index.php?action=dlattach;topic=76.0;attach=1966;image)


(http://www.thaitravelcommunity.com/travelcommunity/index.php?action=dlattach;topic=76.0;attach=1969;image)

(http://www.thaitravelcommunity.com/travelcommunity/index.php?action=dlattach;topic=76.0;attach=1970;image)

ในปี พ.ศ. 1910 (ค.ศ.1367) กษัตริย์องค์ที่ 6 ของราชวงศ์เม็งรายแห่งนครลานนาไทยชื่อ พระจ้าอนาพระองค์ทรงประสงค์ที่จะพัฒนาฟื้นฟูพระพุทธศาสนาในลานนาไทยให้เจริญ รุ่งเรือง จึงได้ส่งผู้แทนจำนวน 3 คน คือ หมื่นเงินกอง ผ้าขาวยอด ผ้าขาวสาย เดินทางไปยังนครสุโขทัย เพื่อนิมนต์พระสุมนเถระขึ้นไปอยู่เชียงใหม่ (หมื่น เป็นยศชั้นปกครองสมัยก่อน ผ้าขาว ผู้นุ่งขาว ถือศีล 8)
          เนื่อง จากมีข่าวแพร่สะพัดไปถึงเชียงใหม่ว่าพระพุทธศาสนาในสุโขทัยได้เจริญ รุ่งเรืองมากมาเป็นอย่างดี ภายใต้การอุปถัมภ์ของพระสุมนเถระ พระองค์จึงต้องการตัวพระสุมนเถระขึ้นไปช่วยฟื้นฟูพระพุทธศาสนาในลานนาไทยโดย เฉพาะที่เชียงใหม่ ด้วยความเห็นชอบของพระเจ้าธรรมราชาแห่งนครสุโขทัย พระสุมนเถระจึงรับนิมนต์ และได้เดินทางขึ้นไปเชียงใหม่พร้อมกับพระบรมธาตุที่ได้มาจากเมืองปางจาในปี พ.ศ. 1912 (ค.ศ 1369) พระสุมนเถระ ได้เดินทางมาถึงเมืองลำพูนพระเจ้ากือนา พร้อมด้วยข้าราชบริพารทั้งหลาย จึงได้เดินทางไปต้อนรับพระสุมนเถระ ที่ตำบลแสนข้าวห่อ เชียงเรือ จังหวัดลำพูน เมื่อมาถึงวัดพระยืน ห่างจากตัวเมืองลำพูน ไปทางทิศตะวันออกประมาณ 1 กม. พระสุมนเถระจึงชอบบรรยากาศที่วัดพระยืนนี้มาก จึงขอพระราชานุญาติจำพรรษาอยู่ที่วัดนี้ก่อน ซึ่งขณะนั้นพระสุมนเถระมีอายุได้ 60 ปีพอดี

   พระสุมนเถระ อยู่ที่วัดพระยืน จังหวัดลำพูน ได้ 2 ปี ต่อมาปี 1914 (ค.ศ. 1371) พระเจ้ากือนา จึงได้ยกสวนหลวง ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันตกของเมืองเชียงใหม่ สร้างวัดใหม่ขึ้นสำหรับพระสุมนเถระ โดยตั้งชื่อว่า วัดบุพพารามต่อมาวัดบุพพาราม ก็ได้ถูกเปลี่ยนชื่อเป็น วัดสวนดอก ตราบเท่าทุกวันนี้ เมื่อสร้างวัดเสร็จเรียบร้อยแล้ว
          พระเจ้า กือนา จึงไปนิมนต์พระสุมนเถระขึ้นมาอยู่ประจำวัดนี้พระสุมนเถระได้ขึ้นมาตามคำ นิมนต์พร้อมกับนำเอาพระบรมธาตุติดตัวมาด้วยพระเจ้ากือนาได้เลื่อมใสและ ศรัทธาในพระสุมนเถระมาก จึงได้สถาปนาสมณศักดิ์ให้พระสุมนเถระเป็น พระสุมนบุพพารัตนมหาสวามี

หลังจากพระมหาสวามีมาอยู่ที่วัดสวนดอกตามคำนิมนต์ของพระเจ้ากือนา พระมหาสวามีได้ปรึกษากับพระเจ้ากือนาถึงการสร้างพระเจดีย์ให่ในวัดสวนดอก เมื่อพระเจ้ากือนาทรงเห็นชอบแล้ว จึงได้ดำเนินการก่อสร้างพระเจดีย์ขึ้นก่อนที่จะขุดหลุมเพื่อบรรจุพระบรมธาตุ ลงไปนั้น พระมหาสวามี ได้นำเอาพระบรมธาตุนั้นออกมาวางไว้ในถาดทองคำ เพื่อให้พระองค์และประชาชนได้ทำกรสักการะบูชาเสียก่อน เมื่อทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว พระมหาสวามีจึงได้นำเอาพระบรมธาตุออกมาจากถาดเพื่อเตรียมจะบรรจุลงในพระ เจดีย์พระมหาสวามีจึง เกิดความประหลาดใจขึ้นเมื่อพระบรมธาตุที่อยู่ในถาดทองคำนั้นได้แยกออกเป็น 2 องค์ ขนาดเท่าเดิมองค์หนึ่งและอีกองค์หนึ่งเล็กกว่าเล็กน้อย


(http://www.thaitravelcommunity.com/travelcommunity/index.php?action=dlattach;topic=76.0;attach=1956;image)

(http://www.thaitravelcommunity.com/travelcommunity/index.php?action=dlattach;topic=76.0;attach=1956;image)

(http://www.thaitravelcommunity.com/travelcommunity/index.php?action=dlattach;topic=76.0;attach=1967;image)

(http://www.thaitravelcommunity.com/travelcommunity/index.php?action=dlattach;topic=76.0;attach=1968;image)

  ต่อมาพระเจ้ากือนาจึงได้นำเอาพระบรมธาตุองค์ที่เล็กกว่านั้นบรรจุไว้ในพระเจดีย์ที่สร้างขึ้นใหม่ในวัดสวนดอกตราบเท่าทุกวันนี้ 
 พระองค์และพระมหาสวามีได้พยายามหา ที่เหมาะสมที่สร้างพระเจดีย์อีกองค์หนึ่ง เพื่อจะบรรจุพระบรมธาตุองค์เดิมที่นำมาจากเมืองปางจา สุโขทัย พระองค์ได้นำเอาพระบรมธาตุนั้นขึ้นไว้บนหลังช้างเผือกมงคลและอธิษฐานเสี่ยง ทายว่า " เมื่อช้างได้นำพระบรมธาตุไปถึงที่ ๆ เหมาะสมสำหรับเก็บรักษาพระบรมธาตุนี้แล้วไซร้ ขอพระบรมธาตุได้แสดงอภินิหารบังคับให้ช้างหยุดอยู่ตรงนั้นเถิด " พออธิษฐานเสร็จแล้วพระองค์ก็ทรงปล่อยช้างให้ออกไปจากประตูหัวเวียง (ประตูช้างเผือกปัจจุบัน)   เมื่อช้างออกจากประตูไปแล้วก็เปล่งเสียงร้องขึ้น 3 ครั้งแล้วหันหน้าไปทางทิศตะวันตกและเดินมุ่งหน้าไปทางภูเขา พระองค์และพระมหาสวามี ตลอดถึงประชาชนผู้สนใจในพิธีได้เดินตามช้างไปเป็นเวลายาวนาน เมื่อช้างไปถึงยอดเขาแห่งหนึ่ง จึงชลอพักเอาแรงสักครู่หนึ่งและก็เดินทางต่อไป ภูเขาลูกนี้ชาวบ้านเรียกว่า " ดอยช้างนอน " ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมาช้างมงคลได้มุ่งหน้าเดินทางต่อไปจนถึงยอดเขาอีกลูกหนึ่ง ซึ่งเป็นลานกว้างและเหมาะสมดีที่จะสร้างพระเจดีย์ไว้ทุกคนก็คาดหวังว่าช้าง จะต้องหยุดตรงนี้ ไม่ยอมหยุด คงมุ่งหน้าเดินทางต่อไปอีก ดอยลูกนี้ชาวบ้านเรียกว่า "สนามดอยงาม" จนถึงทุกวันนี้
          ใน ที่สุดช้างก็ไปถึงเชิงเขาสุเทพ เดินปีนเขาขึ้นไปจนถึงยอดเขา จากนั้นช้างก็เดินวนซ้ายอยู่ 3 รอบ และหยุดคุกเข่าหมอบลงพร้อมกับเปล่งเสียงร้อง 3 ครั้งอีกรอบหนึ่ง พระองค์และพระมหาสวามี ต่างก็ปีติยินดีที่ได้พบสถานที่ๆ จะเก็บรักษาพระบรมธาตุไว้ภายในพระเจดีย์ที่จะสร้างขึ้นใหม่ จึงได้ช่วยกันนำเอาพระบรมธาตุลงจากหลังช้างด้วยความเคารพ
  พระเจ้ากือนา ทรงให้พระมหาสวามี เก็บรักษาพระบรมธาตุไว้ ช่วงที่พำนักอยู่วัดสวนดอกเป็นเวลาเกือบ 2 ปี พระองค์และพระมหาสวามีได้พยายามเสาะแสวงหาสถานที่ที่เหมาะสมสำหรับประดิษฐาน พระบรมธาตุองค์นี้ไว้ แต่ก็ไม่พบ พระองค์เสียเวลาไปมากกับการแสวงหาที่ดังกล่าว ดังนั้นวันหนึ่งพระองค์และพระมหาสวามี จึงได้นำเอาพระบรมธาตุเข้าใส่ในกูบ และประดิษฐานไว้บนหลังช้างมงคลและปล่อยช้างออกไปจากเมืองเพื่อเสี่ยงทาย หาสถานที่ดังกล่าว ซึ่งนับว่าเป็นวิธีที่ดีที่สุดเป็นขั้นตอนสุดท้ายแล้ว ในที่สุดก็ประสบความสำเร็จ และได้พบสถานอันพึงปรารถนา นั่นก็คือยอดดอยสุเทพ
           พระเจ้ากือนา ทรงสั่งให้คนงานทั้งหมดปรับพื้นที่ราบดอยสุเทพให้เรียบร้อย และขุดหลุมขนาดลึก 8 ศอก กว้าง 1 วา 3 ศอก และให้เอาแผ่นหินขนาด 7 ศอก มาทำเป็นหีบ เอาผอบพระบรมธาตุ พร้อมด้วยเครื่องสักการะบูชา จำนวนมากใส่ลงไปในหีบนั้น เมื่อปิดหีบและฝังไว้ตรงนั้นแล้ว พระองค์จึงสั่งให้สร้างพระเจดีย์องค์หนึ่งมีขนาดสูง 5 วา ครอบเหนือหีบพระบรมธาตุนั้น เพื่อให้เป็นที่เคารพบูชาแก่คนทั้งปวง และพอจะอนุมานสรุปได้ว่า วัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร  (http://www.thaitravelcommunity.com/travelcommunity/index.php?topic=76.0)สร้างโดยพระเจ้ากือนา เมื่อ พ.ศ.1916

(http://www.thaitravelcommunity.com/images/child_ttc_icon.png)ตำแหน่งที่ตั้ง แผนที่ เส้นทางการเดินทาง

http://maps.google.co.th/maps/ms?ie=UTF8&hl=th&msa=0&msid=108731746739764096750.00046f0857bb15a8b0ece&ll=18.805129,98.920756&spn=0.003433,0.007381&t=h&z=18

(http://www.thaitravelcommunity.com/travelcommunity/index.php?action=dlattach;topic=76.0;attach=1956;image)

(http://www.thaitravelcommunity.com/travelcommunity/index.php?action=dlattach;topic=76.0;attach=1957;image)

(http://www.thaitravelcommunity.com/travelcommunity/index.php?action=dlattach;topic=76.0;attach=1958;image)

(http://www.thaitravelcommunity.com/travelcommunity/index.php?action=dlattach;topic=76.0;attach=1959;image)

(http://www.thaitravelcommunity.com/travelcommunity/index.php?action=dlattach;topic=76.0;attach=1960;image)

(http://www.thaitravelcommunity.com/travelcommunity/index.php?action=dlattach;topic=76.0;attach=1961;image)

(http://www.thaitravelcommunity.com/travelcommunity/index.php?action=dlattach;topic=76.0;attach=1962;image)

(http://www.thaitravelcommunity.com/travelcommunity/index.php?action=dlattach;topic=76.0;attach=1963;image)

(http://www.thaitravelcommunity.com/travelcommunity/index.php?action=dlattach;topic=76.0;attach=1964;image)


หัวข้อ: Re: วัดพระธาตุดอยสุเทพ เชียงใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: animaturk ที่ กรกฎาคม 27, 2009, 04:29:03 PM
(http://www.thaitravelcommunity.com/travelcommunity/index.php?action=dlattach;topic=76.0;attach=1971;image)

(http://www.thaitravelcommunity.com/travelcommunity/index.php?action=dlattach;topic=76.0;attach=1972;image)

(http://www.thaitravelcommunity.com/travelcommunity/index.php?action=dlattach;topic=76.0;attach=1973;image)

(http://www.thaitravelcommunity.com/travelcommunity/index.php?action=dlattach;topic=76.0;attach=1974;image)

(http://www.thaitravelcommunity.com/travelcommunity/index.php?action=dlattach;topic=76.0;attach=1975;image)

(http://www.thaitravelcommunity.com/travelcommunity/index.php?action=dlattach;topic=76.0;attach=1976;image)

(http://www.thaitravelcommunity.com/travelcommunity/index.php?action=dlattach;topic=76.0;attach=1977;image)

(http://www.thaitravelcommunity.com/travelcommunity/index.php?action=dlattach;topic=76.0;attach=1978;image)

(http://www.thaitravelcommunity.com/travelcommunity/index.php?action=dlattach;topic=76.0;attach=1979;image)

(http://www.thaitravelcommunity.com/travelcommunity/index.php?action=dlattach;topic=76.0;attach=1980;image)


หัวข้อ: Re: วัดพระธาตุดอยสุเทพ เชียงใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: animaturk ที่ กรกฎาคม 27, 2009, 04:29:47 PM
(http://www.thaitravelcommunity.com/travelcommunity/index.php?action=dlattach;topic=76.0;attach=1981;image)


(http://www.thaitravelcommunity.com/travelcommunity/index.php?action=dlattach;topic=76.0;attach=1982;image)


(http://www.thaitravelcommunity.com/travelcommunity/index.php?action=dlattach;topic=76.0;attach=1983;image)


(http://www.thaitravelcommunity.com/travelcommunity/index.php?action=dlattach;topic=76.0;attach=1984;image)


(http://www.thaitravelcommunity.com/travelcommunity/index.php?action=dlattach;topic=76.0;attach=1985;image)


(http://www.thaitravelcommunity.com/travelcommunity/index.php?action=dlattach;topic=76.0;attach=1986;image)


(http://www.thaitravelcommunity.com/travelcommunity/index.php?action=dlattach;topic=76.0;attach=1987;image)

(http://www.thaitravelcommunity.com/travelcommunity/index.php?action=dlattach;topic=76.0;attach=1988;image)

(http://www.thaitravelcommunity.com/travelcommunity/index.php?action=dlattach;topic=76.0;attach=1989;image)

(http://www.thaitravelcommunity.com/travelcommunity/index.php?action=dlattach;topic=76.0;attach=1990;image)


หัวข้อ: Re: วัดพระธาตุดอยสุเทพ เชียงใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: animaturk ที่ กรกฎาคม 27, 2009, 04:30:16 PM
(http://www.thaitravelcommunity.com/travelcommunity/index.php?action=dlattach;topic=76.0;attach=1991;image)

(http://www.thaitravelcommunity.com/travelcommunity/index.php?action=dlattach;topic=76.0;attach=1992;image)

(http://www.thaitravelcommunity.com/travelcommunity/index.php?action=dlattach;topic=76.0;attach=1993;image)

(http://www.thaitravelcommunity.com/travelcommunity/index.php?action=dlattach;topic=76.0;attach=1994;image)

(http://www.thaitravelcommunity.com/travelcommunity/index.php?action=dlattach;topic=76.0;attach=1995;image)

(http://www.thaitravelcommunity.com/travelcommunity/index.php?action=dlattach;topic=76.0;attach=1996;image)

(http://www.thaitravelcommunity.com/travelcommunity/index.php?action=dlattach;topic=76.0;attach=1997;image)

(http://www.thaitravelcommunity.com/travelcommunity/index.php?action=dlattach;topic=76.0;attach=1998;image)

(http://www.thaitravelcommunity.com/travelcommunity/index.php?action=dlattach;topic=76.0;attach=1999;image)

(http://www.thaitravelcommunity.com/travelcommunity/index.php?action=dlattach;topic=76.0;attach=2000;image)

(http://www.thaitravelcommunity.com/travelcommunity/index.php?action=dlattach;topic=76.0;attach=2001;image)

(http://www.thaitravelcommunity.com/travelcommunity/index.php?action=dlattach;topic=76.0;attach=2002;image)

(http://www.thaitravelcommunity.com/travelcommunity/index.php?action=dlattach;topic=76.0;attach=2003;image)

(http://www.thaitravelcommunity.com/travelcommunity/index.php?action=dlattach;topic=76.0;attach=2004;image)


หัวข้อ: Re: วัดพระธาตุดอยสุเทพ เชียงใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: auto ที่ กรกฎาคม 27, 2009, 11:36:06 PM
ขอบคุณข้อมูล และ ภาพสวยๆ ครับ


หัวข้อ: Re: วัดพระธาตุดอยสุเทพ เชียงใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: nantiya2007 ที่ สิงหาคม 20, 2009, 10:11:03 PM
ว้าวววว เก็บรายละเอียดมาได้เยอะจริงๆ ทุกซอก ทุกมุมเลยนะคะ
ขอบคุณค่ะ  :onio: