หัวข้อ: แพนด้าน้อยความหวังท่องเที่ยวเชียงใหม่ บูม เริ่มหัวข้อโดย: staff ที่ มิถุนายน 02, 2009, 08:58:07 AM การปรากฏตัวอย่างชวนตะลึง! อึ้ง! ทึ่ง! ทั้งสวนสัตว์เชียงใหม่ เมื่อ จู่ๆ แพนด้าสาวหลินฮุ่ย ก็ได้คลอดลูกแพนด้าน้อยเพศเมียออกมา เมื่อวันที่ 27พ.ค.ที่ผ่านมา งานนี้หลายหน่วยงานจึงเตรียมจัดฉลองให้กับลูกแพนด้าน้อย
ซึ่งมีหลายคนออกมารับลูกกับถ้วนหน้าทั้งภาครัฐและเอกชน บ้างจะเจรจาขอให้แพนด้าน้อยอยู่เมืองไทยต่อเกิน 2 ปี บ้างก็หวังให้แพนด้าน้อยเข้ามาช่วยดึงนักท่องเที่ยวให้ไปเยือนเชียงใหม่ เพื่อที่เศรษฐกิจเมืองเชียงใหม่ที่ซบเซา จะได้ฟื้นตัวขึ้นอีกครั้ง ซึ่งความหวังที่จะให้เจ้าสัตว์ตัวน้อยเข้ามาช่วยด้านการท่องเที่ยวดูจะไม่ ใช่เรื่องเกินจริงนัก รูปแสดง ลูกแพนด้าเมื่อแรกเกิด หัวข้อ: Re: แพนด้าน้อยความหวังท่องเที่ยวเชียงใหม่ บูม เริ่มหัวข้อโดย: staff ที่ มิถุนายน 02, 2009, 09:00:15 AM รู้จักแพนด้า
แพนด้าเป็นสัตว์ที่พบในประเทศจีนเท่านั้น ทุกวันนี้โลกมีแพนด้าเหลืออยู่เพียงประมาณ 1,000 ตัวเท่านั้น และ 20 ตัว อาศัยอยู่ในสวนสัตว์นอกประเทศจีน ส่วนที่เหลืออยู่ในสวนสัตว์จีนบ้างและอยู่ในป่าบ้าง โดยเฉพาะในบริเวณจีนตอนกลางที่มีภูเขาสูง ที่ที่มันชอบอยู่คือที่ระดับความสูง 1,500-3,000 เมตร ซึ่งมีเมฆหมอกปกคลุมตลอดเวลา มันชอบกินไผ่และลำต้นไผ่เป็นอาหารประมาณวันละ 10-20 กิโลกรัม ตามปกติแพนด้าไม่ใช่สัตว์กินพืชแต่เป็นสัตว์กินเนื้อ แต่เมื่อมันเป็นสัตว์ที่เชื่องช้า การไล่ล่าจับสัตว์อื่นเป็นอาหารจึงทำได้ยาก ดังนั้น มันจึงหันมาบริโภคพืชแทน แพนด้าชอบน้ำผึ้งเหมือนสัตว์ตระกูลหมีชนิดอื่นๆ และใช้เวลาหาอาหารวันละประมาณ 14 ชั่วโมง ส่วนอีก 10 ชั่วโมงที่เหลือ เป็นเวลานอน แพนด้าเลี้ยงลูกอย่างทะนุถนอมนานถึง 1 ปีครึ่ง ซึ่งนับว่านานกว่าสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิดอื่นๆ ผู้เชี่ยวชาญการดูแลแพนด้าได้พบว่า 70% ของแพนด้าตัวเมียที่ได้รับการเลี้ยงดูในสวนสัตว์ไม่มีระดู และ 90% ของตัวผู้ที่ถูกเลี้ยงปฏิเสธการจับคู่ และนี่ก็คือเหตุผลหนึ่งที่มีส่วนในการทำให้ประชากรแพนด้าลดจำนวนลง แพนด้า เป็นสัตว์ที่จัดอยู่ใน CITES appendix I ซึ่งเป็นองค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของรัฐบาลประเทศต่าง ๆ ว่าด้วยการค้าขาย หรือแลกเปลี่ยนสัตว์และพืชที่ใกล้สูญพันธุ์ของประเทศต่าง ๆ คือ สัตว์และพืชในกลุ่มนี้ "ห้ามค้าโดยเด็ดขาด เนื่องจากใกล้จะสูญพันธุ์" ยกเว้นเพื่อการศึกษา วิจัยและเพาะพันธุ์ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นจะต้องได้รับความยินยอมจากประเทศที่จะนำเข้าเสียก่อน ประเทศส่งออกจึงจะออกใบอนุญาตส่งออกให้ได้ โดยจะต้องคำนึงถึงความอยู่รอดของชนิดพันธุ์นั้น ๆ ด้วย ซึ่งการนำแพนด้าเข้ามาในประเทศใดก็ตาม แม้ว่าจุดประสงค์ว่าต้องการนำมาเพื่อแสดง หรือเพื่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ฯลฯ ก็ต้องมีจุดประสงค์หลักอย่างหนึ่ง คือการศึกษาวิจัยหรือขยายพันธุ์ ไม่อย่างนั้นจะไม่สามารถทำเรื่องย้ายออกจากประเทศถิ่นฐานได้ หัวข้อ: Re: แพนด้าน้อยความหวังท่องเที่ยวเชียงใหม่ บูม เริ่มหัวข้อโดย: staff ที่ มิถุนายน 02, 2009, 09:02:52 AM เมื่อเมืองไทยมีแพนด้า
ในปี 2527 เมื่อโลกตระหนักว่า แพนด้าเป็นสัตว์ที่ใกล้จะสูญพันธุ์ รัฐบาลจีนภายใต้การสนับสนุนขององค์การสหประชาชาติ จึงได้จัดตั้ง Research Center for the Protection of the Giant Panda and Its Ecosystem ขึ้น ที่ว่อหลง มณฑลเสฉวน ซึ่งต่อมาก็ได้รับผลกระทบจากเหตุแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในมณฑลเสฉวนด้วยเช่นกัน จนต้องหอบหิ้วหมีแพนด้าหนีตายกันจ้าละหวั่น เมื่อวันที่12 ต.ค. 2546 รัฐบาลและชาวไทยได้ต้อนรับฑูตสันถวไมตรีช่วงช่วง - หลินฮุ่ย จากศูนย์วิจัยเพื่อการอนุรักษ์แพนด้าแห่งประเทศจีน (ว่อหลง) มณฑลเสฉวน สาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งเดินทางมาไทยตามโครงการวิจัยและจัดแสดงหมีแพนด้าในประเทศไทย แพนด้าทั้งสองได้มาพักอาศัยอยู่ที่บ้านใหม่ในสวนสัตว์เชียงใหม่ เป็นเวลา 10 ปี จวบจนปัจจุบันก็ย่างเข้าปีที่ 6 แล้ว ซึ่งในวันหนึ่งๆจะต้องต้อนรับผู้เข้าชมราว 6,000 คน ผู้ชมทั้งเด็กและผู้ใหญ่ต้องตีตั๋วเข้าชม ซึ่งแบ่งรอบ รอบละ 200-250 คน เพื่อเข้าชมแพนด้าทั้งสองเป็นเวลา 15 นาทีต่อรอบ แพนด้าน้อย ตลอดเวลาที่ ช่วงช่วง-หลินฮุ่ย อาศัยอยู่ที่สวนสัตว์เชียงใหม่ทางทีมสัตวแพทย์ได้มีความพยายามหลายครั้งที่ จะให้แพนด้าทั้งสองผสมพันธุ์กันตามธรรมชาติแต่ทว่าก็ต้องคว้าน้ำเหลวทุก ครั้งจนครั้งหลังสุดเมื่อวันที่18 ก.พ.2552 ที่ผ่านมาจึงได้ทำการผสมเทียมโดยทีมสัตวแพทย์ได้ทำการฉีดน้ำเชื้อของ 'ช่วงช่วง' ให้กับ 'หลินฮุ่ย' จนในที่สุดหลินฮุ่ยก็ได้ให้กำเนิดแพนด้าน้อยอย่างที่ทราบกัน ประเสริฐศักดิ์ บุญตระกูลพูลทวี หัวหน้าโครงการวิจัยและจัดแสดงหมีแพนด้าในประเทศไทย กล่าวว่า ขณะนี้ช่วงช่วง-หลินฮุ่ย อยู่เมืองไทยเป็นปีที่6 เป็นทูตสันตวไมตรีที่ทางรัฐบาลจีนมอบให้รัฐบาลไทยเพื่อช่วยเรื่องการวิจัย เพราะในยุคน้ำแข็งมีหลักฐานปรากฏว่าแพนด้าเคยลงมาหากินถึงในประเทศไทย ปัจจุบัน แต่หลังยุคน้ำแข็งก็ไม่พบแล้ว เราได้ข้อพิสูจน์แล้วว่าหมีแพนด้าผสมพันธุ์ได้ และอยู่ในสภาพอากาศของไทยได้ กินไผ่ไทยได้ อย่างไรก็ตามผมอยากให้เข้าใจว่า แพนด้าที่เราได้มา ไม่ใช่เพื่อผลิตผลเป็นที่ระลึก ชนิดที่ว่าคลอดที่ไทยต้องเป็นไทย เราต้องส่งคืนเจ้าของคือประเทศจีน ส่วนจะให้อยู่นานกว่า2ปีหรือไม่นั้นก็ต้องขึ้นอยู่กับผู้เกี่ยวข้องว่าจะ สามารถเจรจากับทางจีนได้หรือไม่หน.ประเสริฐศักดิ์กล่าว ทั้งนี้ยังได้กล่าวต่ออีกว่า แพนด้าน้อยหากอายุประมาณ 1 เดือน ก็จะโตเท่าตุ๊กตาหมีแพนด้าตัวเล็กๆ ใครที่บอกว่ารอสักพักค่อยมาดู อาจจะไม่ได้เห็นลูกแพนด้าตอนเป็นเด็ก เพราะว่าแพนด้าโตไวมาก รูป แม่หลินฮุ่ยคาบลูกน้อยอย่างหวงแหน หัวข้อ: Re: แพนด้าน้อยความหวังท่องเที่ยวเชียงใหม่ บูม เริ่มหัวข้อโดย: staff ที่ มิถุนายน 02, 2009, 09:05:18 AM หวังลูกแพนด้า ทำท่องเที่ยวเชียงใหม่บูม!
ด้านเรื่องที่หลายฝ่ายคาดหวังให้แพนด้าน้อยเป็นส่วนหนึ่งในการช่วย เรื่องการท่องเที่ยวของเมืองเชียงใหม่นั้น หัวหน้าโครงการวิจัยและส่วนจัดแสดงหมีแพนด้าในประเทศไทยกล่าวว่าขณะนี้ทาง สวนสัตว์เชียงใหม่ได้สร้างโดมหิมะไว้รอบรับโดยจะ เปิดตัวครั้งแรกมิ.ย.นี้เพื่อให้ ช่วงช่วง และ หลินฮุ่ย และแพนด้าน้อยให้มีโอกาสได้สัมผัสหิมะใน บรรยากาศของกำแพงเมืองจีน จะเป็นเครื่องที่ใช้ทำหิมะ เลียนแบบธรรมชาติที่สุด นักท่องเที่ยวที่เข้ามาจะได้สัมผัสกับบรรยากาศหิมะตกเมืองจีนก็ เหมือนกับไป เที่ยวเมืองจีนบนกำแพงเมืองจีนที่ขาวโพนไปด้วยหิมะ ที่สำคัญการถ่ายภาพออกมาก็เหมือนกันไปเที่ยวที่เมืองจีนมา โดยโดมหิมะนี้มีมูลค่าถึง 60 กว่าล้านบาท ส่วนทาง ธนภัทร พงษ์ภมร ผู้อำนวยการสวนสัตว์เชียงใหม่ เปิดเผยถึงกิจกรรมหลังหลินฮุ่ยตกลูกแพนด้าตัวแรกในประเทศไทยว่า จะมีการเฉลิมฉลอง การขึ้นป้ายแสดงความยินดี และเชิญชวนประชาชนส่งการ์ดอวยพร ทั้งนี้ ระยะแรกจะเปิดให้ดูแพนด้าน้อยจากโทรทัศน์วงจรปิด จากนั้นประมาณ 3 เดือนจะได้ดูตัวจริง ด้านของ เฉลิมศักดิ์ สุระนันท์ ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานเชียงใหม่ เปิดเผยว่า ทั้งเรื่องการประชาสัมพันธ์ โปรโมทการท่องเที่ยว และการจัดทำมาร์เก็ตติ้ง โปรโมชั่น โดยเป็นแผนเฉพาะกิจที่นอกจากจะประชาสัมพันธ์ให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและ ต่างประเทศเดินทางมาชมความน่ารักของแพนด้าน้อยแล้ว จะต้องมีการส่งเสริมการตลาดที่เพิ่มเติมนอกจากนี้อีกด้วย (http://pics.manager.co.th/Images/552000006574004.JPEG) หัวข้อ: Re: แพนด้าน้อยความหวังท่องเที่ยวเชียงใหม่ บูม เริ่มหัวข้อโดย: staff ที่ มิถุนายน 02, 2009, 09:07:02 AM สำหรับผู้ที่สนใจเข้าชมแพนด้า สวนสัตว์เชียงใหม่ เปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 09.00-17.00น. อัตราค่าเข้าชมแบ่งเป็น คนไทย ผู้ใหญ่ 50 บาท เด็ก 20 บาท และชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 100 บาท เด็ก 50 บาท โดยรายได้จะนำเข้ากองทุนร่วมวิจัยหมีแพนด้าไทย-จีน
ข้อมูลและภาพ ทั้งหมด จาก เว็บ www.manager.co.th (http://pics.manager.co.th/Images/552000006574005.JPEG) หัวข้อ: Re: แพนด้าน้อยความหวังท่องเที่ยวเชียงใหม่ บูม เริ่มหัวข้อโดย: staff ที่ มิถุนายน 02, 2009, 09:21:57 AM เล็งผสมพันธุ์แพนด้าครั้งหน้าปี 54 เน้นวิธีธรรมชาติ-เชื่อ หลินฮุ่ย มีประสบการณ์มาก ชี้นำ ช่วงช่วง ได้
ข้อมูลและภาพทั้งหมดจาก www.manager.co.th ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - ลูกแพนด้าน้อยที่สวนสัตว์เชียงใหม่ ยังมีพัฒนาการดีต่อเนื่อง และสุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์ ท่ามกลางการประคบประหงมของทีมงานสัตวแพทย์ ขณะที่หัวหน้าโครงการวิจัยฯ เผยต้องเว้นช่วงอย่างน้อย 1 ปี ก่อนผสมพันธุ์ครั้งต่อไปอย่งเร็วในปี 2554 ซึ่งตั้งใจจะผสมด้วยวิธีการตามธรรมชาติให้เป็นผลสำเร็จ เชื่อ หลินฮุ่ย มีประสบการณ์มากขึ้นแล้ว น่าจะช่วย ช่วงช่วง ได้เยอะ รายงานข่าวจากจังหวัดเชียงใหม่ แจ้งว่า วันนี้ (1 มิ.ย.) ที่สวนสัตว์เชียงใหม่ ทีมงานสัตวแพทย์ยังคงทำการดูแลลูกแพนด้าที่เพิ่งเกิดจาก หลินฮุ่ย แพนด้าตัวเมียอย่างใกล้ชิด หลังจากที่วานนี้ (31 พ.ค.) ได้ทำการตรวจสุขภาพลูก พบว่า มีพัฒนาการดีมาก สุขภาพแข็งแรง ดิ้นและร้องเสียงดัง บริเวณใบหู รอบดวงตา ขาสี่ข้าง และปลายจมูกเริ่มมีสีดำ ขนาดตัวและน้ำหนักเพิ่มขึ้นเล็กน้อย จากนี้ทีมงานสัตวแพทย์จะทำการตรวจสุขภาพลูกแพนด้าวันเว้นวัน เพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนลูกแพนด้าและหลินฮุ่ย สำหรับ หลินฮุ่ย แม่แพนด้านั้น รายงานข่าวบอกว่า ได้กอดลูกแพนด้าน้อยไว้ในอ้อมอกตลอดเวลา แม้ในเวลาหลับ นายประเสริฐศักดิ์ บุญตระกูลพูนทวี หัวหน้าโครงการวิจัยและจัดแสดงหมีแพนด้าในประเทศไทย กล่าวว่า ตอนนี้ลูกแพนด้ามีสุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์ดี กินนมจากแม่เป็นระยะ และกินมากตามต้องการ ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดี อย่างไรก็ตาม จากนี้จะต้องพยายามทำให้ลูกแพนด้ากินนมจากแม่ให้ครบทุกเต้า เพราะแต่ละเต้านั้นจะผลิตน้ำนมได้จำกัด โดยเจ้าหน้าที่ที่ดูแลจะช่วยนำทางลูกแพนด้าในการดูดนมแต่ละเต้า ในส่วน หลินฮุ่ย แม่แพนด้านั้น หลังจากที่ออกลูกแล้ว พบว่า กินอาหารน้อยลง เพราะมัวแต่ห่วงเลี้ยงลูก โดยกินแต่แอปเปิลและขนมปังไผ่ เป็นหลัก ไม่ค่อยกินไผ่ ซึ่งจริงๆ แล้วทีมสัตวแพทย์ อยากให้กินไผ่มากกว่านี้ เพราะมีความจำเป็นต่อตัวหลินฮุ่ยเอง ดังนั้น เวลานี้จึงกำลังพยายามหาไผ่ที่หลินฮุ่ยสามารถกินได้ง่าย เช่น ไผ่ลูกศร มาให้ รวมทั้งอาจแก้ไขปัญหาด้วยการเพิ่มไผ่เป็นส่วนผสมมากขึ้นในการทำขนมปังไผ่ หัวหน้าโครงการวิจัยและจัดแสดงหมีแพนด้าในประเทศไทย ยังกล่าวอีกว่า การที่ลูกแพนด้าที่เกิดในประเทศไทยตัวนี้ นอกจากจะเป็นลูกแพนด้าที่เกิดขึ้นเป็นตัวแรกของปีนี้แล้ว จากบันทึกสถิติที่มีการเก็บไว้ ยังพบว่าเป็นลูกแพนด้าตัวแรกที่เกิดในเดือนพฤษภาคมด้วย ซึ่งเรื่องนี้เองทางผู้เชี่ยวชาญจีน จึงให้ความสนใจเป็นอย่างมาก รวมทั้งประคบประหงมใกล้ชิดและพยายามศึกษาว่าเหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น ส่วนการผสมพันธุ์แพนด้า หลินฮุ่ย ในครั้งต่อไปนั้น นายประเสริฐศักดิ์ กล่าวว่า คงจะต้องเว้นช่วงไปอีกอย่างน้อย 1 ปี เพื่อให้หลินฮุ่ย ได้เลี้ยงดูและอยู่กับลูกน้อยอย่างเต็มที่ ซึ่งอย่างเร็วจะทำการผสมพันธุ์แพนด้าครั้งต่อไปได้ในปี 2554 โดยการผสมพันธุ์แพนด้าในครั้งต่อไปนั้น หลังจากที่ประสบความสำเร็จในการผสมเทียมไปแล้ว ทางทีมงานสัตวแพทย์จึงมีความตั้งใจว่าในครั้งต่อไปจะพยายามผสมพันธุ์ด้วย วิธีตามธรรมชาติให้เป็นผลสำเร็จ ซึ่งเชื่อว่าน่าจะมีความเป็นไปได้มากขึ้น เพราะการที่ หลินฮุ่ย มีประสบการณ์มากขึ้นจากการมีลูกในครั้งนี้ น่าจะช่วย ช่วงช่วง แพนด้าตัวผู้ ในการผสมพันุ์ครั้งต่อไปได้มากขึ้น รายงาน ข่าวแจ้งว่า แม้ว่าขณะนี้ลูกแพนด้าที่เกิดใหม่ตัวนี้จะยังไม่มีการตั้งชื่ออย่างเป็นทาง การ แต่ก็มีการเรียกชื่อลูกแพนด้าตัวนี้เป็นการภายในอยู่ด้วยกัน 2-3 ชื่อ เช่น ไทซิน ซึ่งเป็นภาษาจีน ที่หมายถึง ดวงดาวที่สวยงามของไทย หรือ อ้อแอ้ ที่เรียกตามพฤติกรรมร้องงอแงอยู่เป็นประจำ และ ไอ้ตัวน้อย เป็นต้น |