หัวข้อ: ท่องเที่ยวริมน้ำโขง เริ่มหัวข้อโดย: dady ที่ มีนาคม 05, 2009, 03:43:57 PM ท่องเที่ยวริมน้ำโขง
ที่มาจาก http://www.rssthai.com/reader.php?t=travel&r=12537 หัวข้อ: Re: ท่องเที่ยวริมน้ำโขง เริ่มหัวข้อโดย: dady ที่ มีนาคม 05, 2009, 03:44:42 PM อาทิตย์ที่ผ่านมาผมไปร่วมงานแถลงข่าวการท่องเที่ยวจังหวัดตามลุ่มแม่น้ำ โขงที่ จ.เชียงราย โดยมีประธานบอร์ดการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยเป็นประธาน ในการแถลงข่าว (ทั้งๆ ที่หน้าที่นี้ควรจะเป็นหน้าที่ของผู้ว่าการการท่องเที่ยวฯ เสียมากกว่า)
ผวจ.เชียงราย ก็ดี รอง ผวจ.ทั้ง 3 และอีก 1 เทศบาลจากอีสาน ต่างบรรยายถึงการท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ และอาหารการกินของจังหวัดของตนกันไปต่างๆ นานา ท่ามกลางแดดแสงสุดท้ายที่กำลังจะ เลือนหายไปบนพระธาตุผาเงา ผมนั่งฟังการแถลงข่าวสลับกับการไปยืนดูลำน้ำโขงที่คดเคี้ยว และบ้านเรือนผู้คนที่ตั้งเรียงรายอยู่ริมตลิ่งท่ามกลาง แมกไม้เขียวขจีที่ได้รับความเมตตาจาก ลำน้ำแห่งนี้ หัวข้อ: Re: ท่องเที่ยวริมน้ำโขง เริ่มหัวข้อโดย: dady ที่ มีนาคม 05, 2009, 03:45:33 PM น้ำโขงแม้จะเป็นลำน้ำที่อยู่ห่างจาก กรุงเทพฯ ดินแดนที่ผมใช้เวลาส่วนใหญ่ ไปกับมันในฐานะผู้ใช้แรงงานในโรงงานข่าวสารที่ผมชื่นชอบ แต่ถ้าวันใดที่ใครมาชวนให้มาเยือนท่อนหนึ่งท่อนใดของลำน้ำโขงที่สงบ เยือกเย็น เต็มไปด้วยสีสันของชีวิตหลากหลายเผ่าพันธุ์แล้ว ผมย่อม ตอบรับคำเชื้อเชิญนั้นด้วยความยินดี เพราะชีวิตของผมผูกพันกับลำน้ำมาตั้งแต่เล็กแต่น้อย ในฐานะ “คนหาปลา” ในลำน้ำ และในฐานะคนข่าวที่ตระเวนหาข่าวใน ดินแดนอันเป็นประวัติศาสตร์แถบเมื่อครั้งยังหนุ่มเยาว์
ในสายตาของผม แม่น้ำโขงนั้นมีความงามที่คลาสสิกกว่าแม่น้ำใดๆ ในประเทศไทยที่ผมเคยเห็น (ยกเว้นแต่สาละวิน) การเป็นแม่น้ำระหว่างประเทศ จึงมีชีวิตของผู้คนหลากหลายชนชาติหลากหลายวัฒนธรรมมาอาศัยความเอื้ออาทรของ ลำน้ำโขงอยู่กินมาช้านาน.. คนแล้วคนเล่าที่ได้ล้มหายตายจาก คนแล้วคนเล่าที่เกิดขึ้นมาทดแทนชีวิตที่สูญสิ้นไป มันเป็นอย่างนั้นมาชั่วหลายแสนหลายล้านปี ถ้ามันสามารถบันทึกประวัติศาสตร์เองได้ ลำน้ำโขงคงมีเรื่องราวต่างๆ ของแต่ละชนชาติแต่ละเผ่าพันธุ์มาถ่ายทอดเล่าสู่กันฟังอย่างน่าตื่นเต้น ไม่ต่างจากหนังรสชาติต่างๆ อย่างแน่นอน และฉากที่คนสนใจมากที่สุดน่าจะเป็นฉากที่เรียกกันว่า “บั้งไฟพญานาค” ผมหรือผู้สื่อข่าวคนใดที่ไปเยี่ยมเยือนลำน้ำโขงยามออกพรรษา คงไม่สามารถบรรยายความมหัศจรรย์ของดวงไฟที่ลอยขึ้นมาเหนือน้ำในวันพิเศษนี้ ได้ดีเท่ากับการเดินทางไปพบปะกับประสบการณ์นี้ด้วยตัวเอง เพราะประสบการณ์ตรงย่อมได้รสชาติที่ดีกว่าประสบการณ์ที่ได้มาจากการบอกเล่า เสมอ หัวข้อ: Re: ท่องเที่ยวริมน้ำโขง เริ่มหัวข้อโดย: dady ที่ มีนาคม 05, 2009, 03:46:25 PM แต่ถึงแม้จะมีคนพยายามไปหาประสบการณ์ตรงอย่างไรก็ตาม “หวยบั้งไฟ” จะออกที่อำเภอไหน จังหวัดไหน ออกมาให้เห็นกี่มากน้อยก็คงไม่มีใครอาจคาดเดา สำหรับปีนี้ของผม จ.อุบลราชธานี ที่ที่ผมคุ้นชินเป็นจุดมุ่งหมาย!
ดังที่ได้กล่าวมาแล้วว่าแม่น้ำโขงได้ให้ความเอื้ออาทรต่อชีวิตผู้ คนมายาวนาน ดังนั้นความหมายของคำว่าแม่น้ำโขงจึง ไม่ใช่เพียงแค่การไหลรินของลำน้ำ แต่ ลำน้ำโขงนั้นยังหมายถึงชีวิตของผู้คนที่ดำรงอยู่อีกด้วย วันนี้ผมจึงเอาการบันทึกเรื่องราวของผู้คนที่อาศัยอยู่ในดินแดนแถบนี้มาบอก เล่าผ่านความเป็นอยู่ในปัจจุบันและผ่านวัตถุธาตุในอดีต มายั่วน้ำลายแห่งความอยากรู้อยากเห็นให้เพิ่มมากขึ้นพอสังเขป หัวข้อ: Re: ท่องเที่ยวริมน้ำโขง เริ่มหัวข้อโดย: dady ที่ มีนาคม 05, 2009, 03:47:04 PM เมืองเชียงแสนและเมืองเชียงของ ของ จ.เชียงราย นั้นมีดินแดนที่ติดกับ ลำน้ำโขงมากมายหลายตำบลอำเภอ แต่ละตำบลอำเภอนั้นล้วนมีชีวิต เผ่าพันธุ์ และอาชีพที่แตกต่างหลากหลายที่น่าสนใจ
ในวัยหนุ่มที่ผ่านมาผมเคยขับรถเที่ยวไปทำงานไปในดินแดนแถบนี้บ่อย ครั้ง ได้เคยลักลอบเข้าไปในลาวและพม่า ครั้งที่ ทั้ง 2 ประเทศยังห้ามไม่ให้คนไทยเดินทางไปเยือน เพราะลาวเพิ่งทำการปฏิวัติสังคมนิยมเสร็จสิ้นไม่นาน ส่วนพม่าก็เพิ่งแย้มหน้าออกมาดูความก้าวหน้าของโลกทุนนิยมอย่างตื่นตระหนก หลังจากปิดบ้านเพื่อทำเศรษฐกิจพอเพียงแบบย้อนยุคประวัติศาสตร์การพัฒนาการ ของโลก เลียนแบบคอมมิวนิสต์ไร้เดียงสาโซเวียต-จีนในยุคโน้นจนล้าหลังกว่าประเทศไทย ทั้งที่เคยล้ำหน้าเรามาก่อน เชียงแสนที่ติดอยู่กับรัฐฉาน ประเทศพม่า ลาวตอนเหนือโดยมีลำน้ำโขงกั้นกลางระหว่าง 3 ประเทศ แพร่งของทั้ง 3 ประเทศนี้มียาเสพติดเป็นเรื่องเล่าขานให้ผู้คนรุ่นหลังได้รับรู้เช่นเดียว กับการต่อสู้ทางการเมืองและชนกลุ่มน้อยอันหลากหลาย รวมทั้งการหนีมาซึ่งบรรดาผู้ลี้ภัยทางการเมืองของคนจีน ลาว พม่า รวมทั้งชาวเวียดนามเหนือเมื่อไม่นานมานี้ และที่สำคัญก็คือ วันนี้มันคือเส้นทางที่จีนเข้ามามีบทบาททางการค้าที่สำคัญในภูมิภาคแถบนี้ ไตใหญ่ ไตยวน ไตเขิน และไตลื้อ ต่างมีบทบาทในฐานะของชนชาติดั้งเดิม ที่อาศัยอยู่ในดินแดนแถบนี้มานาน ตั้งแต่พม่า ลาว และไทย ยังไม่ตั้งเป็นรัฐชาติ แต่ด้วยการเป็นชนชาติส่วนน้อย ที่รักสงบ พวกเขาจึงถูกผนวกเข้าเป็น ส่วนหนึ่งของรัฐชาติอื่นๆ ที่เข้มแข็งกว่า ผมมีภาพของบัลลังก์ทองคำของเจ้าไทยใหญ่ที่เอาออกมาได้ในช่วงที่พม่ากำลังมะงุมมะงาหรากับปัญหาศึกในของเขาเอง พระพุทธรูป ข้าวของเครื่องใช้ใน ราชสำนัก และสิ่งอื่นๆ อีกมากมายที่มา อยู่ใน “พิพิธภัณฑ์อูบคำ” ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์ไทยใหญ่เอกชนที่สำคัญที่สุดเท่าที่มีอยู่ในปัจจุบัน พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ อ.จุลศักดิ์ สุริยะไชย ผู้มีเชื้อสายไตคนสำคัญ เป็นคนรวบรวมเอาไว้ให้เราเห็นความยิ่งใหญ่ของชนชาตินี้ในอดีต พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ตั้งอยู่เลขที่ 81/1 ถนนหน้าค่าย ต.รอบเวียง อ.เมือง จ.เชียงราย เขาคิดค่าดูไม่แพงครับ เมื่อเทียบกับคุณค่าที่เราจะได้รับ ที่ผมเชียร์ให้เข้าไปดูเข้าไปชมก็เพราะของที่เขามีหาดูได้ยากจริงๆ โดยเฉพาะสิ่งของที่เป็นของเจ้าไทยใหญ่ ที่ถูกยึดครองตามกฎเกณฑ์ของรัฐชาติ สมัยใหม่ และพัฒนาการทางประวัติศาสตร์สังคม ใครสนใจติดต่อไปได้ที่ โทร. 08-1992-0342 นะครับ หัวข้อ: Re: ท่องเที่ยวริมน้ำโขง เริ่มหัวข้อโดย: dady ที่ มีนาคม 05, 2009, 03:47:34 PM พิพิธภัณฑ์อีกแห่งหนึ่งที่ผมแนะนำให้ไปด้วยเช่นกันก็คือ “ไร่แม่ฟ้าหลวง” ซึ่งรวบรวมเอาวัตถุทางวัฒนธรรมชิ้นใหญ่ๆ ของล้านนาที่ได้รับอิทธิพลของไทยใหญ่ ไทยลื้อจากสิบสองปันนา และจากล้านช้างของลาวเอาไว้มากมายใน “หอคำ” เช่น เชิงเทียนไม้เก่าแก่ พระพุทธรูปทั้งที่ทำด้วยไม้และโลหะจำนวนมาก
เรียนว่า ผมมาดูมาชมของเก่าแก่ของ ที่นี่แล้วเพลินกับการถ่ายรูปไปเสียทุกครั้ง เพราะการจัดแสงเงาทำได้ดีมาก จนทำให้ในช่วงของแต่ละวันให้ความรู้สึกของแสงที่แตกต่างกันไป ผมละเมียดละไมกับมันจนพรรคพวกที่ไปด้วยเขาต้องมาตามทุกครั้ง (อายจัง) พิจารณากันเอาเองนะครับว่ามันดูขรึม ดูขลังอย่างไร นี่ถ้าผมมีเวลามากกว่านี้คงได้ภาพงามๆ มุมแปลกๆ กำนัลให้ท่าน ผู้อ่านได้ยลแน่นอน เจ้าหน้าที่เขาพาเราไปเยี่ยมเยือน พระธาตุดอยเวา ซึ่งตั้งอยู่บนที่สูงเหนือตลาดแม่สาย เพื่อไหว้พระธาตุและดูความเจริญของเมืองท่าขี้เหล็กที่กลายเป็นเมือง ที่กำลังโตใหญ่ หลังจากที่พม่าเปิดเมือง รับทุนนิยมเข้าไปแทนสังคมนิยมของประเทศเสรีนิยมของพม่าในอดีต (พม่าเป็นประเทศอยู่ในโลกเสรี แต่เคยใช้ลัทธิสังคมนิยมมาแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจชาติ แล้วเปลี่ยนมาใช้ทุนนิยมมาแก้ไขปัญหาให้ดีขึ้นแบบจีน เวียดนาม และโซเวียต) ดอยเวานั้นมีการปั้นตัวแมงป่องหรือตัวเวาเข้าใส่ฝั่งพม่า นัยว่าเป็นการข่มกันเหมือนการเขียนเสือหรือเอารูปสิงโตไว้หน้าวัด ผมไม่เชื่อถือในศาสตร์นี้ อดขำในความคิดของคนสร้างทุกครั้ง ยิ่งไปเห็นภาพตัวเวาชำรุดด้วยแล้ว อดสงสัยไม่ได้ว่าขนาดตัวเองยังจะเอาไม่รอดเลย จะไปข่มอะไรใครเขาได้ พระธาตุดอยเวานั้นเก่าแก่รองจากพระธาตุดอยตุงทีเดียว ผมเคยมาเชียงรายครั้งแรกเมื่อครั้ง พล.อ.เปรม สั่งให้คนเข้าโจมตีขุนส่าเมื่อหลายสิบปีที่ผ่านมา หลังจากนั้นก็เดินทางมาที่นี่เรื่อยๆ เพราะที่นี่เป็นเส้นทางเส้นใหญ่ที่นำบรรดาโสเภณีจากทั้งในประเทศและต่าง ประเทศเข้าสู่กรุงเทพฯ สุไหงโก-ลก หาดใหญ่ และเบตง มาอีกหลายครั้งเมื่อครั้งไทยใหญ่ซึ่งตั้งฐานกำลังอยู่ตะเข็บแนวชายแดนยก กำลังจากฝั่งไทยไปโจมตีพม่า จนพม่าปิดชายแดนอยู่นาน นานจนพ่อค้าแม่ค้าไทยซึ่งมีรายได้จากการค้าขายกับพม่าโวย ในฐานะของคนที่ทำข่าวชายแดน มานาน ผมยืนยันว่าการปิดชายแดนของพม่าทุกครั้งล้วนมีสาเหตุไปจากฝั่งไทยแทบจะทั้งสิ้น วันนี้ที่ผมมาเยือน ผมเห็นตึกราม บ้านช่องในฝั่งพม่าซึ่งแต่เดิมมีแต่หลังคาสังกะสีผุๆ ที่ขายฝิ่นได้อย่างเสรี กลายมาเป็นตึกรามบ้านช่องใหญ่โตทันสมัย ทันสมัยเสียจนทำให้ตลาดแม่สายซึ่งสร้างมาก่อนหมองลงไปถนัดใจ เขาพาให้ไปล่องแม่น้ำกก ซึ่งเป็นแม่น้ำสายหนึ่งที่ไหลลงสู่แม่น้ำโขงที่เชียงแสน แม่น้ำสายนี้หล่อเลี้ยงชีวิตของคนเชียงรายมานานแบบเดียวกับแม่น้ำปิงของ เชียงใหม่ บนลำน้ำสายนี้นอกจากมีชีวิตของผู้คนที่หลากหลายแล้วยังเป็นย่านธุรกิจการ ท่องเที่ยวที่สำคัญอีกด้วย โรงแรมชั้นหนึ่งใหญ่ๆ หลายแห่งตั้งอยู่ริมลำน้ำแห่งนี้ และกำลังทยอยเปิดขึ้นเรื่อยๆ (โรงแรมเมอริเดียนกำลังจะเปิดเร็วๆ นี้) ระหว่างทางของการล่องแม่น้ำด้วยเรือหางยาว เราเห็นการขุดทรายและกรวดจากท้องน้ำตื้นๆ ระหว่างทาง ซึ่งคนทั่วไปไม่ค่อยได้เห็นมากนัก นกน้ำมีให้เห็นทั่วไป บ้านเรือนที่ออกมาในเชิงธุรกิจการท่องเที่ยวมากขึ้นตามวันเวลาที่เคลื่อนที่ ไป หมู่บ้านชาวกะเหรี่ยงที่เคยเป็นที่ท่องเที่ยวแบบเก่าๆ กลายมาเป็นแหล่งการค้าใหม่ๆ ช้างลากซุงของคนกะเหรี่ยงกลายเป็นพาหนะเพื่อการท่องเที่ยวที่ทำรายได้ดี แต่ด้วยความคุ้นเคยของคนไทยจึงไม่มีพ่อค้าช้างเพื่อการท่องเที่ยวรายใดได้ กินเงินจากคณะนักข่าวเลย ยกเว้นพ่อค้าแม่ค้าขายอาหารช้างที่บรรดานักข่าวและพีอาร์สาวสวยซื้อเอามา ป้อนเจ้ายักษ์บก ผมกดชัตเตอร์เอา “ตาช้าง” ที่ถูกขนตางอนๆ คอยป้องกัน มากำนัลท่านผู้อ่านครับ! ทริปนี้ผมขออนุญาตแนะนำให้ไปเที่ยวสวนชา และแหล่งผลิตไวน์ของเชียงราย ไวน์เนอร์รี่ และกินอาหารปลอดสารพิษที่ดอยตุงของมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงนะครับ ที่นั่นเขาไม่ใช้ผงชูรสแต่อย่างใด อาหารแนะนำก็คือ เห็ดทอดแสนอร่อย วันนี้ผมแนะนำเมืองท่องเที่ยวริมน้ำโขงอย่างเชียงรายก่อนนะครับ! ถ้ามีโอกาสจะแนะนำเมืองท่องเที่ยวริมโขงที่น่ามหัศจรรย์อื่นๆ ให้ท่านได้ทราบต่อไป |