จองที่พักราคาถูกทั่วประเทศโทร 053266550-2

ไหว้พระ 9 วัดเมืองสามหมอก

   เมืองสามหมอก หมายถึงเมืองแม่ฮ่องสอน จังหวัดสุดเขตล้านนาตะวันตกแห่งนี้มีพุทธสถาปัตยกรรมที่แตกต่างไปจากจังหวัดอื่นๆ ในเขตล้านนาโดยสิ้นเชิง อันเนื่องมาจากเมืองแม่ฮ่องสอนอุดมไปด้วยกลุ่มชาติพันธุ์ชาวไทใหญ่เป็นประชากรหลัก ทำให้ลักษณะของสถาปัตยกรรมและศิลปะต่างๆ ล้วนแล้วแต่เป็นรูปแบบ “ไทใหญ่” ทั้งสิ้น กระนั้นแล้ว เมื่อได้มาเยือนเมืองสามหมอกเพื่อความเป็นสิริมงคล จึงแนะนำทริปไหว้พระให้ครบทั้ง 9 วัด ดังนี้

1. วัดจองคำ
พิกัด : 19.298407, 97.967381
    วัดจองคำ เป็นวัดแฝดกับวัดจองกลาง วัดนี้สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2340 นับเป็นวัดแรกของเมืองแม่ฮ่องสอน เป็นวัดเก่าแก่สร้างตามแบบอย่างศิลปะไทใหญ่ขนาดแท้ สิ่งที่โดดเด่นคือ หลังคาซ้อนทรงประสาท 9 ชั้น หรือที่เรียกว่า “จอง” มีศาสนสถานที่สำคัญคือ วิหารหลวงพ่อโต สร้างเมื่อปี พ.ศ.2477 โดยช่างชาวพม่า ภายในเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปองค์ใหญ่ที่สุดของจังหวัดแม่ฮ่องสอน ชาวบ้านเรียกว่า “หลวงพ่อโต” เป็นองค์พระประธาน สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2469 องค์เจดีย์มีลักษณะศิลปะแบบไทใหญ่ขนานแท้ สร้างโดยช่างฝีมือชาวไทใหญ่มีรูปทรงจุฬามณี ประดับด้วยสิงห์ด้านละหนึ่งตัว ประดิษฐานพระพุทธรูปนั่งด้านละหนึ่งองค์ เริ่มสร้างเมื่อเดือนมีนาคม พ.ศ. 2456 สร้างแล้วเสร็จในเดือนมกราคม พ.ศ.2458 ชื่อของ “วัดจองคำ” มาจากเสาของวัดประดับด้วยทองคำเปลวนั้นเอง

2. วัดจองกลาง
พิกัด : 19.298407, 97.967382
    วัดจองกลาง เป็นวัดแฝดกับวัดจองคำที่กล่าวไป เนื่องจากเป็นวัดที่อยู่ในอาณาบริเวณเดียวกันโดยปราศจากกำแพงกั้น จุดเด่นที่สุดของวัดจองกลาง คือเจดีย์ประธาน เป็นเจดีย์ทรงเครื่องแบบมอญ บนยอดประดับฉัตรสามชั้น มีกลุ่มเจดีย์สี่ทิศล้อมรอบ องค์เจดีย์ก่ออิฐถือปูนทาสีขาว ส่วนลายปูนปั้นที่องค์เจดีย์ทาสีทอง สวยงามที่สุดในยามค่ำคืนเมื่อประดับไฟ สีทองจะเปล่งรัศมีงดงามยิ่งนัก ภาพเจดีย์สะท้อนน้ำคือภาพที่ถูกเผยแพร่ประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวแม่ฮ่องสอนมากที่สุดภาพหนึ่ง อีกทั้งยังเป็นมุมถ่ายรูปยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวตลอดกาลอีกด้วย

3. วัดพระธาตุดอยกองมู
พิกัด : 19.299948, 97.960509
    วัดพระธาตุดอยกองมู เป็นวัดศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของชาวจังหวัดแม่ฮ่องสอนมาช้านาน ตั้งอยู่บนดอยกองมู เดิมมีชื่อเรียกว่า วัดปลายดอย จากวัดพระธาตุดอยกองมูนี้สามารถมองเห็นภูมิประเทศตัวเมืองแม่ฮ่องสอนได้อย่างชัดเจนและสวยงามมาก องค์พระธาตุดอยกองมูประกอบด้วยพระเจดีย์สีขาว 2 องค์ พระเจดีย์องค์ใหญ่ สร้างโดย จองต่องสู่ ผู้นำชาวไทใหญ่ เมื่อปี พ.ศ. 2403 เป็นที่บรรจุพระธาตุของพระโมคคัลลานะเถระ ซึ่งนำมาจากประเทศพม่า ต่อมา พญาสิงหนาทราชา เจ้าเมืองคนแรกของแม่ฮ่องสอน ได้สร้าง พระเจดีย์องค์เล็ก เมื่อปี พ.ศ. 2417 เพื่อเป็นที่ระลึกในการขึ้นปกครองเมืองแม่ฮ่องสอน เป็นที่บรรจุพระธาตุของพระสารีบุตร ลักษณะเป็นเจดีย์ทรงเครื่องแบบมอญ มีฐานสี่เหลี่ยมจัตุรัสซ้อนสามชั้น ตรงมุมทั้งสี่ของฐานมีปูนปั้นรูปสิงห์ประดับอยู่ บริเวณฐานด้านล่างประดับด้วยซุ้มพระแบบศิลปะมอญ ซุ้มประธานมีหลังคาประดับเรือนยอดสามยอด แต่ละยอดเป็นทรงประสาทซ้อนสามชั้น ประดับลวดลายปูนปั้นสวยงาม

4. วัดพระนอน
พิกัด : 19.298449, 97.963376
    วัดพระนอน เป็นสถาปัตยกรรมแบบพม่า ผสมผสานกลิ่นอายวัฒนธรรมของชาวไทใหญ่ รูปทรงหลังคาวัดประดับด้วยปานซอย  ปานซอยเป็นภาษาไทใหญ่ หมายถึง ชายหลังคาที่เป็นสังกะสีฉลุ ถ้าเคยเห็นจะนึกภาพออก ภายในวัดนอกจากจะมีองค์พระนอนแล้ว ยังมีรูปปั้นพระพุทธรูปปางนั่งสมาธิ และพระทรงเครื่องต่างๆ ด้านหลังวัดมีพระพุทธรูปองค์ใหญ่นั่งสมาธิอยู่กลางแจ้งไม่มีที่กำบัง รอบบริเวณวัดมีศาลาและอ่างน้ำหน้าวัด ข้างวัดเป็นบ่อบัวในสระข้างหน้าวัดจัดกระถางดอกไม้อย่างสวยงามและดอกกล้วยไม้และพื้นสมุนไพร ด้านหลังวัดมีสิงห์คู่สองตัวยืนคู่กัน เชื่อกันว่าพญาสิงหนาถราชาและเจ้านางเมี๊ยะเป็นผู้สร้าง ตรงกันข้ามจะมีเจดีย์ 2 หลังเป็นศิลปะแบบพม่าข้างในเจดีย์หลังแรกมีพระพุทธรูป 1 องค์ และเจดีย์หลังที่สองประดิษฐานพระพุทธรูปแบบพม่า

5. วัดก้ำก่อ
พิกัด : 19.297627, 97.963779
    วัดก้ำก่อ เป็นภาษาไทใหญ่หมายถึง ดอกบุญนาค เป็นวัดเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองแม่ฮ่องสอนมีลักษณะทางสถาปัตยกรรมที่งดงาม โดยเฉพาะลักษณะพิเศษที่มีหลังคาคลุมทางเดินตั้งแต่ซุ้มทางเข้าสู่ศาลาวัด นอกจากนี้ยังมีตำราเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ไทใหญ่กับเจ้าอโนรธามังช่อ ตัววัดตั้งอยู่บริเวณเชิงดอยกองมู อยู่ตรงข้ามกับวัดพระนอน มีอาณาเขตติดต่อถนนผดุงม่วยต่อ อนุสาวรีย์พญาสิงหนาทราชา ลานวัฒนธรรม รวมถึงอยู่ใกล้แหล่งชุมชน เดิมบริเวณที่ตั้งวัดเป็นสวนกล้วยของผู้กำกับการตำรวจสมัยนั้น วัดก้ำก่อถูกสร้างขึ้นเมื่อวันที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2433 มีลักษณะทางสถาปัตยกรรมแบบไทใหญ่

6. วัดม่วยต่อ
พิกัด : 19.299456, 97.963418
    วัดม่วยต่อ เดิมชาวบ้านเรียกว่า “วัดจองม่วยต่อ”สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2432 โดยเจ้าแม่นางเมี๊ยะ เจ้าเมืองแม่ฮ่องสอนองค์ที่สอง
เนื่องจากเจ้าอาวาสรูปแรกได้ย้ายมาจากวัดม่วยจ่อ อำเภอหมอกใหม่ รัฐฉาน ประเทศเมียนมา จึงได้นำเอาชื่อวัดม่วยต่อมาใช้เป็นชื่อวัดแห่งนี้ ได้รับการจัดตั้งให้เป็นวัดอย่างเป็นทางการเมื่อปี พ.ศ. 2466อยู่ในสังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย มีที่ดินตั้งวัดมีเนื้อที่ 13 ไร่ 38 ตารางวา อาณาเขตทิศเหนือจรดถนนสาธารณะ ทิศใต้จรดวัดพระนอน ทิศตะวันออกจรดถนนผดุงม่วยต่อ และทิศตะวันตกจรดวัดพระธาตุดอยกองมู มีพื้นที่ธรณีสงฆ์จำนวน 3 แปลง ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อวันที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2468 โดยมีเขตวิสุงคามสีมากว้าง 40 เมตร ยาว 80 เมตรต่อมาเมื่อปี พ.ศ. 2427 ครูบาคำภีระ เจ้าอาวาสองค์แรกพร้อมศรัทธาร่วมกันสร้างเจดีย์ 6 องค์ขึ้น ถือเป็นโบราณสถานอันทรงคุณค่าของวัดในปัจจุบัน ได้รับคัดเลือกจากกรมการศาสนาให้เป็น “วัดพัฒนาตัวดีเด่นประจำปี 2534” จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2437 วัดม่อยต่อทรุดโทรมลงไปตามกาลเวลา พระราชวีรากร เจ้าอาวาสวัดม่วยต่อและดำรงตำแหน่งเจ้าคณะจังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้สร้างศาลาการเปรียญขึ้นใหม่ และคงอยู่จนกระทั่งปัจจุบัน

7. วัดปางล้อ
พิกัด : 19.305412, 97.968966
    วัดปางล้อ สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2433 จวบจนวันนี้วัดปางล้อมาอายุกว่า 127 ปีแล้ว วัดปางล้อมีลักษณะสถาปัตยกรรมเป็นศิลปะไทใหญ่ หรือที่เรียกกันว่า “ลายไต” โดยแกะสลักลายไตจากสังกะสีทำเป็นหลังคาวัดซ้อนกัน 5 ชั้น ยอดของหลังคาวัดมีพระพุทธรูปประดิษฐานเป็นพระพุทธรูปนำเข้ามาจากประเทศพม่าโดยล่องมาตามลำน้ำปาย ต่อมาศรัทธาชาวบ้านจึงอัญเชิญพระพุทธรูปองค์ใหญ่ 1 องค์ และพระพุทธรูปองค์กลาง 6 องค์ พระพุทธรูปองค์เล็ก 4 องค์ จากกรุงเทพมหานครมาประดิษฐานที่วัดปางล้อ ในปี พ.ศ. 2528 มีการสร้างเจดีย์ศิลปะแบบลายไตขึ้น ซึ่งมียอดเจดีย์ประมาณ 7 ชั้น ปี พ.ศ. 2539 มีการสร้างโบสถ์และปี พ.ศ. 2548 มีการสร้างที่ประดิษฐานของพระพุทธรูปประจำวันเกิดที่ซุ้มประตูทางเข้าวัด

8. วัดหัวเวียง
พิกัด : 19.302464, 97.965780
    วัดหัวเวียง ตั้งอยู่ใจกลางเมืองแม่ฮ่องสอน ชาวบ้านจึงพากันเรียกอีกชื่อว่า วัดกลางเมือง เป็นวัดเก่าแก่มากสร้างมาตั้งแต่ พ.ศ. 2406 นับถึงปัจจุบันมีอายุร่วมกว่า 150 ปีแล้ว ถือเป็นวัดลำดับที่ 2 ของจังหวัดแม่ฮ่องสอน ต่อจากวัดจองคำ และที่สำคัญที่สุดคือ เป็นที่ประดิษฐานของ “พระเจ้าพาราละแข่ง” ซึ่งเป็นพระพุทธรูปทรงเครื่องประจำเมืองที่งดงามมาก หล่อจำลองมาจาก "พระมหามุนี" ซึ่งเป็นพระเจ้าพาราละแข่งองค์จริงที่เมืองมัณฑะเลย์ ประเทศพม่า โดยลุงจองโพหย่าเป็นผู้เดินทางไปนิมนต์มา ปัจจุบันเป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดแม่ฮ่องสอน ซึ่งชาวพม่านับถือกันมาก เนื่องจากเชื่อว่าพระพุทธเจ้าเคยเสด็จมาประทานลมหายใจให้แก่พระมหามุนี การหล่อพระเจ้าพาราละแข่ง ช่างได้หล่อเป็นท่อน จำนวน 9 ท่อน องค์พระหล่อจากทองเหลือง แต่พระพักตร์มีส่วนผสมของทองคำ ทำให้พระพักตร์เงาแวววาวอยู่เสมอ ได้ประดิษฐานอยู่ภายในพระวิหารพระเจ้าพาราละแข่ง ทางวัดได้มีการรักษาความปลอดภัยเป็นอย่างดี

9. สวนธรรมภูสมะ
พิกัด : 19.388118, 97.952476
   สวนธรรมภูสมะ ปัจจุบันมีสถานะเป็นสำนักสงฆ์ และคาดว่าจะได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นวัดในไม่ช้า ชื่อของสวนธรรมภูสมะ อาจยังไม่เป็นที่รู้จักมากนัก แต่หากเอ่ยชื่อของ สะพานซูตองเป้ คงจะมีคนรู้จักมากกว่า นั้นก็เพราะสะพานแห่งการอธิฐานนี้สร้างขึ้นเพื่อให้พระสงฆ์จากสวนธรรมภูสมะเดินข้ามผ่านมาบิณฑบาตร ณ หมู่บ้านกุงไม้สัก อันเกิดเป็นแหล่งท่องเที่ยวอันลือลั่นของจังหวัดแม่ฮ่องสอนในปัจจุบันนั้นเอง โดยสิ่งแรกที่จะพบเห็นเมื่อลอดซุ้มประตูเข้ามาถึงสวนธรรมภูสมะคือ “วิหารหลวงพ่อซูตองเป้” ภายในวิหารประดิษฐานพระเจ้าพาราซูตองเป้ หรือ “พระพุทธสามัคคีอธิฐานมหาจักรพรรดิ” นักท่องเที่ยวชาวพุทธสักการะเพื่อเป็นสิริมงคล พร้อมชมความงดงามของสะพานไม้ไผ่ข้ามทุ่งนาบนมุมสูง

by Traveller Freedom