จองที่พักราคาถูกทั่วประเทศโทร 053266550-2

เมื่อเข้าสู่ฤดูแห่งการท่องเที่ยวของเชียงใหม่ ซึ่งผมหมายถึงตั้งแต่ต้นเดือนพฤศจิกายนเป็นต้นไป ยาวจนถึงสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ หนึ่งในกิจกรรมท่องเที่ยวที่ฮิตกันในช่วงนี้ คือการเดินป่า เพราะว่ามันคือช่วงที่อุทยานแห่งชาติหลายๆ แห่งเปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้ามาเยี่ยมเยือนกัน และหนึ่งในเส้นทางเดินป่าที่ฮอตฮิตสุดๆ ของเมืองเชียงใหม่คงหนีไม่พ้น “ดอยม่อนจอง”

หลังจากที่เคยเขียนถึงไปแล้วกับการตะลุยปืนขึ้นไปบนดอย มารอบนี้อยากจะเขียนถึงการเตรียมตัวสำหรับการไปเดินป่าแห่งนี้ (โดยเฉพาะมือใหม่) ว่าต้องเตรียมตัวอะไรกันบ้าง การเดินทาง ติอต่อต้องทำไงยังไง

การเตรียมตัว

มาที่อย่างแรกเลย คือการเตรียมตัวครับ ตามโปรแกรมการมาเดินป่าที่นี้ คือ 2 วัน กับ 1 คืน เสื้อผ้าเอาไปแค่ เสื้อยืดใส่สบายๆ 2 ตัว คือใส่วันไปกับวันกลับ กางเกงขายาวเดินป่าธรรมดา (ไม่ค่อยอยากจะแนะนำกางเกงยีนส์เท่าไร มันเดินไม่สบาย) 1 ตัว ใส่ซ้ำสองวันเลย ไม่ต้องกลัวเหม็น (บนนั้นไม่มีน้ำให้อาบนะ) เสื้อกันหนาวหนาๆ 1 ตัว อาจจะเป็นดาวน์แจ็คเก็ตก็ได้ เพราะบนนั้นอากาสหนาวและลมแรงในตอนกลางคืน ใครกลัวไม่อุ่นเอาเสื้อลองจอนไปซักตัวใส่ตอนกลางคืน ก็ถือว่าโอเคกันครับ เพราเจ้าตัวนี้จะช่วยกักเก็บความอุ่นในร่างกายเรา ใส่นอนเนี่ยอุ่นสบายเลย แล้วตามด้วยเสื้อดาวนืแจ็คเก็ต และมุดตัวเข้าไปในถุงนอน

ถุงมือ หมวกไหมพรม ควรมีติดไปด้วย ใครจะติดหมวกใส่กันแดดไปก็ได้ไม่มีปัญหา และรองเท้า อันนี้ถือว่าสำคัญ ขี้หมูขี้หมาสุดก็คือรองเท้าผ้าใบ หรือรองเท้ากีฬาอะไรก็ได้ที่ใส่สบาย แต่จริงๆ ที่อยากแนะนำคือใส่รองเท้าเดินป่าน่าจะเหมาะกว่าครับ ราคาถูกๆ มีกันให้ซื้ออยู่ ถ้านานๆ ใช้กันที แต่ถ้าใครใช้บ่อยๆ แนะนำให้ซื้อแบบดีๆ ไปเลย อันนี้คุ้มแน่

กระเป๋าเป้ซัก 40 ลิตร น่าจะพอดี เพราะเราต้องแบกเสื้อผ้าแค่บางตัว ถุงนอน และเต็นท์กันไปเอง รวมทั้งอุปกรณ์ทำมาหากิน อาหาร น้ำดื่ม เพราะบนนั้นไม่มีน้ำดื่ม ไม่มีร้านอาหาร อยากกกินอะไรต้องแบกขนขึ้นไปเอา ใครอยากลดเป้ลงกว่านี้ก็จ้างลูกหาบได้  (อนึ่ง เต็นท์ ถุงนอน แผ่นรองนอน เพราะถ้าไม่เตรียมไป อันนี้ไม่มีให้เช่ากันนะ

จากเรื่องเสื้อผ้า อุปกรณ์ต่างๆ มายังเรื่องการเตรียมตัว ด้วยระยะทางราวๆ 3-4 กิโลเมตร เดินราวๆ 3 ชั่วโมงด้วยกัน ใครรู้ว่าตัวเองจะเดินไม่ไหว จะไปฟิตร่างกายก่อนมาก็ได้ แบบอาจจะวิ่งวันละ ครึ่งชั่วโมง แต่สำหรับผมสายแกร่ง มาแบบไม่ได้เตรียมร่างกายอะไร แถมยังไม่ได้นอน ก็ถือว่าเอาชีวิตรอดได้แบบสบายๆ  ฮ่าๆ

การติดต่อ

ทีนี้มาที่เรื่องของการติดต่อ อย่างแรกเลย คือต้องโทรไปจองขออนุญาตกับทางหัวหน้าหน่วยพิทักษ์ป่ามูเซอตามเบอร์นี้ 085-7087441 เพื่อแจ้งจำนวนคนและวันที่จะไป รวมทั้งเรื่องรถที่จะนำไปยังจุดเดินและลูกหาบ (ค่ารถเหมาไปยังจุดเดินไป-กลับ 3000 บาท นั่งได้เต็มที่ประมาณ 10-12 คน ส่วนค่าลูกหาบไป-กลับ 600 บาท ต่อคน อาหารลูกหาบ หากินเองนะ แต่พวกเขาจะจัดการช่วยเราในเรื่องของการก่อไฟ กางเต็นท์ให้ และแบกของ รวมทั้งเพื่อนคุยยามเหงา ฮ่าๆ ) และสองก็คือเมื่อจัดการเสร็จแล้วเรียบร้อยได้วันเวลาที่แน่นอน ค่อยมาต่อด้วยการจองรถตู้ที่จะมุ่งหน้าจากตัวเมืองเชียงใหม่ไปยังหน่วยพิทักษ์ป่ามูเซอ อ.อมก๋อย ตามเบอร์นี้ 089-9535152 รถจะออกจากตัวเมืองเชียงใหม่ตอนตีห้า ตรงสี่แยกหายยา  ค่ารถตกคนละ 200 บาท ขากลับถ้ามากันเป็นหมู่คณะหลายคน นัดแนะให้คนขับรถตู้มารับได้ประมาณเที่ยงของอีกวัน

ที่เหลือจากนี้ก็คงเป็นของใช้ส่วนตัวจุกจิก ของใครของมันที่อยากเตรียมไป แนะนนำว่าขนไปแต่ของที่สำคัญพอ ถามว่าอะไรสำคัญบ้าง ก็เอาเท่าที่คิดว่าสำคัญและแบกไปไม่หนักตัวเองเป็นพอ

สำหรับคนชอบถ่ายรูป

ตบท้ายด้วยเรื่องคนชอบถ่ายภาพ มีสองช่วงเวลาด้วยกันให้พวกคุณได้สนุกกับการลั่นชัตเตอร์ คือช่วงเย็นกับการขึ้นไปดูพระอาทิตย์ตกตรง “หัวสิงห์” อันเป็นจุดสูงสุดของดอยม่อนจอง กรณีตอนกลางคืนถ้ามาช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน ช่วงค่ำๆ ก็จะมีทางช้างเผือกให้ถ่าย และสำหรับเวลาเช้า เราก็สามารถมาดูพระอาทิตย์ขึ้นได้ที่เดิมคือ “หัวสิงห์” และถ่ายภาพทุ่งหญ้าสีทอง ที่แดดในยามเช้าดูจะเหมาะกว่าแดดในตอนเย็น เพราะเรื่องทิศทางแสง

สำหรับช่วงเวลาเปิดให้เดินป่าที่ดอยม่อนจองนั้น คือตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน – กุมภาพันธ์ ถามว่าช่วงไหนเหมาะสุด ผมขอบอกว่าช่วงเดือนธันวาคมล่ะกัน อากาศกำลังหนาวดี และทุ่งหญ้าสีทองกำลังสวย

นึกๆ ดูก็คงน่าจะหมดกันแล้วล่ะครับกับข้อแนะนำการเตรียมตัวไปเดินป่าที่ดอยม่อนจอง ป่าที่เดินง่ายและสวยงามระดับต้นๆ ของเมืองไทย เหมาะสำหรับมือใหม่ที่เริ่มต้นเดิน ถือซะว่านี่คือก้าวแรกของการเดินเที่ยวป่า ก่อนมุ่งหน้าไปยังเส้นทางที่โหดระห่ำกว่านี้ ที่กำลังรอคอย อย่างดอยหลวงเชียงดาว ภูสอยดาว ยอดโมโกจู เป็นต้น

ใครไปมาแล้ว อย่าลืมมาเล่ากันให้ฟังบ้างนะครับ จะได้รู้ว่าสนุกหรรษากันขนาดไหนบ้าง

ขอบคุณข้อมูล เที่ยวดอยม่อนจอง

 :onio: