จองที่พักราคาถูกทั่วประเทศโทร 053266550-2

หลังจากที่เคยเอาชีวิตไปตะลุยในงานยี่เป็งแบบเต็มคราบเมื่อราวๆ ซัก 4 ปีก่อน ให้หลังจากนั้นมา ตัวเองก็เริ่มๆ จะห่างหายไปกับงานยี่เป็งขึ้นทุกปีๆ จนกลายเป็นเรื่องธรรมดาไปซะแล้ว

กล่าวคือ มี หรือ ไม่มี ก็ไม่เป็นไร แต่ถ้ามีโอกาสก็อยากแวะไปดูบ้าง ว่าบรรยากาศเป็นยังไง

อย่างที่ทราบกันดีว่า 1 เดือนก่อน หลังจากที่ในหลวงทรงเสด็จสวรรคต ถึงตอนนี้ประชาชนคนไทยก็ยังอยู่ในอาการเศร้าและเสียใจ ซึ่งแน่นอนว่ามันส่งผลมายังเทศกาลงานรื่นเริงต่างๆ ในบ้านเรากันด้วย

อย่างงานยี่เป็ง ปีนี้ก็ค่อนข้างจะเงียบเหงา ต่อให้วันที่ 13 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ร้านรวง ผับ บาร์ต่างๆ จะสามารถเล่นดนตรีสดได้ แต่บรรยากาศรวมๆ มันก็ยังทรงๆ อยู่ คือไม่ค่อยรื่นเริงได้เต็มที่นัก กิจกรรมงานรื่นเริงต่างๆ ในเทศกาลยี่เป็งของหน่วยงานอื่นๆ ก็หดหายไปหลายอัน แต่มุมกลับมันก็มีข้อดีเหมือนกันอย่างเช่นเรื่องของการปล่อยโคมไฟ และจุดประทัด
 
ปีนี้น่าจะเป็นปีที่หน่วยงานดูแลเรื่องการปล่อยโคมไฟ และจุดประทัดทำงานสบายที่สุด ส่วนนึงคือแนวคิดการจัดงานปีนี้มันเอื้ออำนวย อีกอย่างมันยังอยู่ในช่วงงานของพระราชพิธีพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และมี กฎหมายบังคับใช้ตามประกาศของจังหวัดเชียงใหม่ เลยไม่ค่อยมีปัญหากันในเรื่องนี้

สำหรับงานยี่เป็งปีนี้ จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “แอ่วยี่เป็งเจียงใหม่ ปลอดประทัดยักษ์ไร้แอลกอฮอล์” และน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ แสดงความอาลัยถวายแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพิธีเปิดอย่างเป็นทางการในวันที่ 13 พ.ย. 2559 ตรงข่วงประตูท่าแพ

กิจกรรมที่สำคัญในงานที่จะจัดขึ้น ก็ไล่ไปตั้งแต่กิจกรรม "ต๋ามผางปะตี๊ดส่องฟ้าฮักษาเมือง" เพื่อเป็นพุทธบูชา และแสดงความอาลัยถวายแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พร้อมกันจำนวน 49,999 อัน โดยเยาวชน ประชาชนของชุมชนในจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งมีขึ้นในวันเสาร์ที่ 12 พ.ย. ณ ลานอนุสาวรีย์สามกษัตริย์ และบริเวณรอบคูเมืองด้านใน และพิธีเปิดงานประเพณีเดือนยี่เป็งเชียงใหม่ ประจำปี 2559 วันอาทิตย์ที่ 13 พ.ย. 59 ณ ข่วงประตูท่าแพ รวมถึงพิธีบวงสรวงศาลพระภูมิ, เจดีย์ขาว, ขอขมาแม่น้ำปิง ในวันจันทร์ที่ 14 พ.ย. 59 ณ สำนักงานเทศบาลฯ และท่าน้ำศรีโขง
       
นอกจากนี้ยังมีการประกวดกระทงฝีมือใบตอง วันจันทร์ที่ 14 พ.ย. 59 ณ สำนักงานเทศบาล การประกวดกระธงลอยน้ำประดับเมือง ในวันที่ 13-15 พ.ย. 59 ณ บริเวณคูเมือง การประกวดขบวนแห่กระทงใหญ่ ในวันอังคารที่ 15 พ.ย. 59 ณ ข่วงประตูท่าแพ - สำนักงานเทศบาล และการประดับตกแต่งเมือง วันที่ 13-15 พ.ย. 59 และการจัดทำท่าแพสำหรับลอยกระทงบริเวณริมฝั่งแม่น้ำปิง จำนวนทั้งสิ้น 11 จุดด้วยกัน

ปีนี้น่าจะเป็นปีที่หน่วยงานดูแลเรื่องการปล่อยโคมไฟ และจุดประทัดทำงานสบายที่สุด ส่วนนึงคือแนวคิดการจัดงานปีนี้มันเอื้ออำนวย อีกอย่างมันยังอยู่ในช่วงงานของพระราชพิธีพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และมี กฎหมายบังคับใช้ตามประกาศของจังหวัดเชียงใหม่ เลยไม่ค่อยมีปัญหากันในเรื่องนี้

มาดูในส่วนของกิจกรรมที่น่าสนใจกันบ้าง อย่างที่แรกก็จะเป็นการร่วมกันจุดผางประทีปที่ลานอนุสาวรีย์สามกษัตริย์ เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา โดยผางประทีป เป็นเครื่องสักการบูชาในพระพุทธศาสนา คำว่า ผาง คือ ภาชนะดินเผาคล้ายถ้วยเล็กๆ ใช้เป็นถ้วยสำหรับใส่ขี้ผึ้งหรือน้ำมันและไส้ของประทีปที่ทำมาจากเส้นฝ้าย ส่วนคำว่า ประทีป คือแสงสว่าง 

ลักษณะของผางประทีปแต่ละพื้นที่ก็จะมีความแตกต่างกันบ้านตามยุคสมัยและความคิดสร้างสรรค์ของช่าง แต่โดยทั่วไปมักจะทำเป็นเหมือนอ่างเล็กๆ มีใส้เทียนและเทียนขี้ผึ้งอยู่ด้านใน ในประเพณีวันลอยกระทงหรือประเพณีเดือนยี่เป็งของชาวล้านนา ซึ่งจะเริ่มมีขึ้นในวันที่ 14 ค่ำ เดือนยี่ มีความเชื่อที่เกี่ยวข้องกับผางประทีปโดยมีการเทศน์ธรรมของพระสงฆ์ในกัณฑ์ “อานิสงส์ผางประทีป” ในช่วงพลบค่ำ ซึ่งเป็นการเทศน์ที่กล่าวถึงผลแห่งกุศลที่ได้จากการจุดประทีปบูชา หลังจากนั้นจะมีการจุดผางประทีปโคมไฟตามบ้านเรือนเรียงรายตามรั้วบ้านตามหน้าบ้านสว่างไสวสวยงามและโดยเฉพาะที่วัดชาวบ้านจะร่วมกันจุดผางประทีปหน้าพระประธานและในคืน 15 ค่ำ ชาวบ้านจะมีกาบกล้วยตัดเป็นท่อนหรือทำเป็นกระทงสำหรับวางผางประทีปแล้วจุดประทีปให้ลอยไปตามน้ำ

มีเรื่องเล่าตามคัมภีร์อานิสงส์ผางประทีปกล่าวถึงที่มาของผางประทีปว่าพระพุทธเจ้าห้าพระองค์ได้แก่ พระกกุสันธะ พระโกนาคมนะ พระกัสสปะ พระโคตม(พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน) พระศรีอริยะเมตไตรพระพุทธเจ้าทั้งห้าพระองค์ได้ถือกำเนิดจากแม่กาเผือก และวันหนึ่งขณะที่แม่กาออกไปหาอาหารได้เกิดพายุทำให้ไข่ทั้งห้าฟองของแม่กาเผือกถูกพัดตกจากรังไหลไปตามแม่น้ำ มีแม่ไก่ แม่นาค แม่เต่า แม่โค และแม่ราชสีห์เก็บไปเลี้ยง เมื่อไข่ทั้งห้าฟองฟักออกมาเป็นมนุษย์เป็นเพศชาย และได้บวชเป็นฤษีทั้งห้าองค์ เมื่อฤษีทั้งห้าได้พบกัน จึงไต่ถามถึงมารดาของแต่ละองค์ แต่ละองค์ก็ตอบว่า แม่ไก่เก็บมาเลี้ยง แม่นาคเก็บมาเลี้ยง แม่เต่าเก็บมาเลี้ยง แม่โคเก็บมาเลี้ยง และแม่ราชสีห์เก็บมาเลี้ยง ฤษีทั้งห้าองค์จึงสงสัยว่า แม่ที่แท้จริงของตนเป็นใคร จึงพากันอธิษฐานขอให้ได้พบแม่ด้วยคำอธิษฐาน จึงทำให้พกาพรหมผู้เป็นแม่ได้แปลงกายเป็นกาเผือกบินลงมาเล่าเรื่องในอดีตให้ฤษีทั้งห้าฟัง และได้บอกว่าหากคิดถึงแม่ ให้นำด้ายดิบมาฟั่นเป็นตีนกาจุดเป็นประทีปบูชาในวันยี่เป็ง ด้วยอานิสงส์แห่งการถวายประทีปตีนกา จึงทำให้ได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าทั้งห้าพระองค์

นอกจากการจุดผางประทีปที่ลานอนุสาวรีย์สามกษัตริย์แล้ว ยังมีมีการนำโคมไฟที่ด้านในเป็นภาพเล่าถึงเรื่องราวเกี่ยวกับพระอัจฉริยภาพ และพระราชกรณียกิจของ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มาจัดตั้งไว้ให้ชม ส่วนตามวัดวาอาราม สถานที่สำคัญในตัวเมือง รวมถึงร้านค้าบ้านเรือนต่างๆ มีการประดับประดานำโคมไฟ โคมแขวนต่างๆ มาติดตั้ง

จากกิจกรรมจุดผางประทีปในกลางเมือง ที่วัดพันเตาก็เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่น่าสนใจ อย่างปีนี้ก็มีการนำพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เข้ามาร่วมจัดวางไว้อีก 2 จุดภายในวัด มีการจุดผางประทีป อย่างงดงาม รวมทั้งมีการตกแต่งลานโพธิ์ของวัดมีพระสงฆ์สามเณรมานั่งเรียงราย ริมสระน้ำเพื่อแสดงพระธรรมเทศนาให้กับผู้ที่เข้างานภายในวัด ท่ามกลางนักท่องเที่ยวเข้าชมจนแน่นวัด ซึ่งปีนี้มีการจัดดวงประทีปให้ทุกคนที่มาได้น้อมรำลึกถึงบุญบารมีพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช

ส่วนบริเวณแม่น้ำปิง ตลอดช่วงที่ไหลผ่านตัวเมืองเชียงใหม่ทางเทศบาลนครเชียงใหม่ ได้ทำท่าน้ำไว้สำหรับให้ประชาชนได้ลงไปลอยกระทงในแม่น้ำปิง พร้อมกันนี้ได้จัดให้มีการลอยกระทงสายกาบกล้วยที่หน้าเทศบาลนครเชียงใหม่ใน ลำแม่น้ำปิงโดยส่วนมากกระทงจะทำเป็นสีดำขาว เพื่อแสดงความอาลัยแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรรยากาศริมแม่น้ำปิง ถ้าเป็นแถวสะพานเหล็กก็ถือว่าค่อนข้างคึกคักพอตัว นักท่องเที่ยวต่างพากันเบียดเสียด ซึ่งค่อนข้างต่างกันกับในตัวเมืองที่ค่อนข้างจะเงียบเหงาพอสมควร กระนั้นรวมๆ แล้ว ถ้าเทียบกับปีก่อนๆ หน้านี้ ปีนี้ก็หงอยๆ อย่างที่ได้บอกไปแต่ต้นๆ

ไฮไลต์อีกอันของทุกปี คือขบวนแห่กระทงใหญ่ ปีนี้มีด้วยกัน 19 ขบวนเข้าร่วมงาน และมีข้อห้ามคือไม่ให้มีนางนพมาศ นั่งบนรถกระทง รวมถึงไม่ให้มีการแสดงรื่นเริงในขบวนแห่ ส่วนใครได้รางวัลชนะเลิศ ได้รางวัลอะไร ไปค้นหากันเอาครับ

ตบท้ายด้วยเรื่องกระทงกับสิ่งแวดล้อมหลังงานเลิก ก็เหมือนกันทุกปีครับ คือกระทงจำนวนมหาศาลนับแสนจะไปค้างที่บริเวณประตูระบายน้ำในลำน้ำปิง หน้าเทศบาลตำบลป่าแดด อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ปีนี้เห็นมีการระดมเรือจัดเก็บขยะ 7 ลำ รถบรรทุกขยะกว่า 10 คัน รถแมคโครตักขยะ 2 คัน พร้อมเครื่องมืออุปกรณ์ที่ใช้เก็บขยะ และเจ้าหน้าที่กว่า 100 คนมาช่วยจัดการ

กระทงและขยะลอยน้ำที่มาติดหน้าประตูระบายน้ำป่าแดด รวมเนื้อที่ 3 ไร่ น้ำหนัก 600-700 ตัน จะนำไปคัดแยกขยะที่โรงบำบัดน้ำเสียงของเทศบาลนครเชียงใหม่ บ้านท่าใหม่อิ ต.ป่าแดด เพื่อผลิตปุ๋ยหมักเพียง 70 ตัน หรือ 10% ของกระทงและขยะที่จัดเก็บทั้งหมด ที่เหลือนำไปกลบฝังพื้นที่เอกชน ที่ ต.บ้านตาล อ.ฮอด เพื่อกำจัดอย่างถูกสุขลักษณะ ฉะนั้นใครที่กำลังเป็นห่วงว่า งานลอยกระทง กำลังจะทำลายธรรมชาติ จากที่จะขอขมาพระแม่คงคา กลับกลายเป็นว่าทำลายพระแม่คงคา ก็ขอให้หมดห่วง ไม่ต้องไปดราม่า หรือว่าทำตัวเป็นผู้กอบกู้โลกอนุรักษ์ธรรมชาติหัวรุนแรงขนาดนั้น เขามีหน่วยงานจัดการกันอยู่ให้เรียบร้อย

ไว้เขาจัดการไม่ได้เมือ่ไหร่ จะไปด่าตอนไหนก็ยังทัน!

เป็นปีที่ บรรยากาศลอยกระทงแปลกจากทุกปี