ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
พฤศจิกายน 27, 2024, 11:54:30 AM
หน้าแรก ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก
ข่าว: ประกาศ การกระทำใดๆ  เพื่อที่จะให้กระทู้ตัวเองมาอยู่อันดับต้นๆ ประจำ หากพิจารณาแล้วว่า ไม่เกิดประโยชน์กับผู้เข้าชม  ก็รับสิทธิ์โดนแบนเหมือนกันครับ


จองที่พักราคาถูกทั่วประเทศโทร 053266550-2  |  เชียงใหม่ - ข้อมูลเกี่ยวกับเชียงใหม่ - ที่พัก โรงแรม การเดินทาง วัดจังหวัดเชียงใหม่ ร้านอาหาร สถานที่เที่ยวกลางวัน กลางคืน ฯลฯ  |  แนะนำ แหล่งท่องเที่ยว เส้นทาง ดอยสะเก็ด-เชียงราย  |  หัวข้อ: กวักมือชวน เที่ยวสวนทวีชล ฉบับเต็ม 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้ « หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: 1 ลงล่าง พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: กวักมือชวน เที่ยวสวนทวีชล ฉบับเต็ม  (อ่าน 2036 ครั้ง)
konhuleg
บุคคลทั่วไป
« เมื่อ: พฤษภาคม 08, 2015, 02:46:24 PM »


เมื่อสองปีก่อนผมเคยมาเที่ยว สวนพฤกษศาสตร์ทวีชล ครับ ตอนนั้นมากันแปบเดียวไม่ถึงชั่วโมง ก็กลับ และก็ยังรู้สึกว่าตอนมาครั้งนั้น มันเที่ยวไม่ทั่วสวน เพราะมากับชาวบ้านหลายคน ซ้ำยังต้องนั่งรถรางเที่ยว ทำให้การเข้าไปสัมผัสสวนแต่ละส่วนไม่เข้าถึงพริกถึงขิง

โดยคติของผมถ้าจะไปเที่ยวสวนลักษณะนี้ การเดิน หรือปั่นจักรยาน ดูจะเป็นวิธีที่เหมาะกับผมที่สุดในการเที่ยว ถ้าจะให้นั่งรถราง จ้างก็ไม่เอา โอเค มันอาจสบาย และเหมาะสำหรับคนเร่งรีบ แต่สำหรับผม ไม่รีบครับ ไปเรื่อยๆ เปื่อยๆ ตามทางตัวเอง

และจากการไปครั้งแรกครานั้น รู้สึกว่ามันยังไม่สุด ครั้งที่สองที่เพิ่งไปมา ก็เลยเป็นการไปแบบแก้ตัวว่า คราวนี้ ขอไปให้ทั่วสวนกันหน่อย ไปเท่าที่เราจะไปได้ตามกำลังขา

ผมเลือกช่วงเวลาประมาณ บ่าย 3 มุ่งหน้าจากตัวเมืองเชียงใหม่ ไปตามถนนสายเชียงใหม่ – ดอยสะเก็ด เพื่อไปยัง สวนพฤกษศาสตร์ทวีชล ขับรถกินลมร้อนๆ ประมาณ ครึ่งชั่วโมงก็เป็นอันว่าถึง

ไปถึงก็จ่ายค่าบัตรเข้าชมครับ ผู้ใหญ่ 80.- บาท/คน  เด็ก 40.- บาท/คน  ใครอยากเดินได้ครับ แต่ไม่แนะนำ เพราะทั้งเหนื่อยและอาณาเขตของสวนมันกว้างมาก ฉะนั้นมาเช่าจักรยานกัน ค่าเช่าจักรยาน 70.- /คน ใครรีบๆ มีเวลาไม่มาก นั่งรถรางเอา ราคาผมไม่แน่ใจ ลองถามเจ้าหน้าที่ดูกันเอา

พูดถึงเรื่องราคาเช่าจักรยานแล้ว ถือว่าแพงเอาการพอสมควรครับ ผมว่าอย่างมากก็ไม่น่าจะเกิน 50 บาท นี่ล่อไปตั้ง 70 บาท แต่ก็นะ มันจำเป็นต้องเช่าปั่น เพราะเขาไม่อนุญาตให้ขับมอเตอร์ไซค์เที่ยวในสวน

ก่อนจะไปเที่ยวในสวน มาพูดถึงที่มาของสวนทวีชลบ้าง สวนทวีชล มีเนื้อที่ 286-300 ไร่ เปิดบริการมาตั้งแต่วันที่ 4 กุมภาพันธุ์ พ.ศ. 2548 โดยคุณทวีศักดิ์ – คุณชลางค์ เสสะเวช เดิมทีสวนฯ ทวีชล เป็นสวนลำไย และผลไม้อื่นๆ เป็นแหล่งเรียนรู้เพื่อการศึกษาสำหรับการเลี้ยงวัวนม ที่นากลายเป็นทุ่งหญ้าที่เป็นหญ้าพันธุ์ตระกูลถั่วฮามาต้า ที่ใช้สำหรับเลี้ยงวัวนมโดยเฉพาะ มูลสัตว์นำมาทำไบโอแก๊ส และปุ๋ย ต่อมาได้ถูกเปลี่ยนแปลงให้เป็นสวนฯ สวยงามเพื่อเป็นแหล่งท่องเที่ยว เพื่อการเรียนรู้ เพื่อการศึกษา โดยรวบรวมพันธุ์ไม้หายากมารวมไว้ที่นี่ เพื่อความเพลิดเพลิน เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจ

ทั้งนี้สวนฯ ทวีชล ถูกจัดทำขึ้นโดยมีจุดประสงค์ให้เป็นที่รวบรวมพันธุ์ไม้นานาชนิดเพื่อการศึกษา โดยพันธุ์ไม้ทุกชนิด มีการขยายพันธุ์ไว้ทดแทนที่เสียหาย และจัดจำหน่าย ทั้งนี้ได้พยายามติดป้ายชื่อพันธุ์ไม้ชนิดต่างๆ ให้ผู้พบเห็นได้ศึกษา ส่วนใหญ่แล้วการเกษตรที่สวนฯ จะเน้นหนักการใช้ปุ๋ยชีวภาพ ปุ๋ยหมัก ใบไม้ใบหญ้าที่ร่วง จะถูกเก็บเพื่อนำมาหมักทำปุ๋ย สำหรับกิ่งก้านใบปาล์ม มีเครื่องมือเพื่อหั่นย่อยให้เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย แล้วนำมาหมักด้วยวิธีเติมอากาศทำให้ย่อยสลายเร็วขึ้น กิ่งก้านต้นไม้ที่ถูกตัดแต่งใบจะถูกนำมาเผาในรูปแบบของการได้ผลิตผลเพื่อนำมาเผาเป็นถ่านต่อไป เป็นการลดการเผาในที่โล่งแจ้ง ตามหลักเกณฑ์และวิธีการของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยทำเป็นเตาเผาถ่าน ทำน้ำส้มควันไม้ ในช่วงจังหวะเวลาที่อำนวยให้ โดยไม่ให้เกิดความเดือดร้อนต่อชุมชน

ส่วนตอนหน้าผมจะพาไปชมสวนทวีชลว่าแต่ละส่วนมีอะไรกันบ้างครับ

ตอน 2 http://www.tripchiangmai.com/chiangmaiboard/index.php/topic,8444.0.html#.VUxroI7tmko


* DSCF4889.JPG (247.92 KB, 800x533 - ดู 261 ครั้ง.)

* DSCF4890.JPG (239.5 KB, 800x533 - ดู 290 ครั้ง.)

* DSCF4895.JPG (257.85 KB, 800x533 - ดู 344 ครั้ง.)

* DSCF4897.JPG (261.82 KB, 800x533 - ดู 348 ครั้ง.)

* DSCF4898.JPG (277.98 KB, 800x533 - ดู 311 ครั้ง.)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 09, 2016, 10:06:56 AM โดย art57110 » บันทึกการเข้า
konhuleg
บุคคลทั่วไป


อีเมล์
« ตอบ #1 เมื่อ: กันยายน 09, 2016, 09:59:40 AM »


แดดร้อนๆ ตอนบ่ายสามโมง กางดูแผนที่ว่าจะปั่นจักรยานไปถ่ายรูปที่ไหนบ้าง หลังจากคิดคำนวณออกมาอย่างดีแล้วว่าจะเข้าจะออกทางไหน ก็ได้ฤกษ์จักรยานออกไป ตะลุยสวนกัน

เริ่มจากที่แรกเลย พิพิธภัณฑ์ เดิมเรียกอาคารหลังนี้ว่าเฮือนชายหาญ  เป็นเรือนไทยภาคกลาง ต่อมาถูกปรับเปลี่ยน โดยสถาปนิกล้านนาให้มีรูปทรงเป็นเรือนหมู่ ที่มีหลองข้าว จั่วหลังคาด้านบน เป็นจั่วหลังคาแบบจั่วแม่แจ่มหลังคาบ้านทรงไทยของเรา ซึ่งมีความอ่อนช้อยงดงามสร้างด้วยไม้ ก็เป็นลักษณะหนึ่งของทรงจั่ว ปัจจุบันไม้มีราคาแพงและหายาก กอปรกับวิถีชีวิตของคนไทยเปลี่ยนแปลงไปตามกระแสโลกาภิวัฒน์ บ้านทรงไทยจึงเริ่มสูญหายไป และถูกทดแทนด้วยบ้านไทยร่วมสมัย ซึ่งสนองประโยชน์ใช้สอยของการดำเนินชีวิตของคนไทยในปัจจุบันผสานกับวัสดุและเทคโนโลยีใหม่ๆ ของการก่อสร้าง   ด้านล่างเป็นโถงกว้าง  มีห้องประชุม จุคนราว 40 คน  ตัวอาคารถูกรายล้อมด้วยต้นไม้หอม ในสวนนี้เช่นเดียวกัน หากมองไปอีกฝากฝั่งของบึงกว้างกลางสวน จะเห็นบ้านเก่าซึ้งเป็นเรือนไม้ท้องถิ่น และวิถีชีวิตย้อนยุค

ที่เฮือนชายหาญ เป็นที่เก็บของใช้ที่รวมทั้งวัตถุโบราณ ย้อนยุคย้อนสมัย บางชิ้นก็ร่วมสมัย ซึ่งคุณชลางค์  เสสะเวช ท่านเจ้าของกล่าวว่าบางชิ้นเป็นของสะสมเก่าแก่ดั้งเดิมเมื่อครั้งยังเป็นวัยรุ่น หรือหนังสือโหราศาสตร์ของ,งานอดิเรกเมื่อครั้งท่านยังมีชีวิต ถ้วยชามเซรามิคของใช้กระจุกกระจิกของพี่ศรีศักดิ์ สมัยเมื่อเธอเพิ่งแรกรุ่น  บางชิ้นก็เพิ่งหามา หรือมีผู้คนนำมามอบให้ 

อาคารนี้มีด้วยกันทั้งหมด 5 ห้อง คือ ห้องเจ้าดารารัศมี พระชายาพระองค์หนึ่ง ในรัชกาลที่ 5  ห้องชายหาญเป็นห้องที่ทำขึ้นเพื่อเทิดทูน พระเกียติยศความเป็นกษัตริย์ที่ทรงไว้ซึ่งคุณงามความดีอันเป็นคุณูปการแก่ปวงชนชาวไทย ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช  ห้องพระจะมีปฏิมากรรมทองเหลืองพระพิคเนศประทับยืนอยู่ในปราสาท ห้องหลองข้าว จะมีรูปปั้นเหรียญบูชาของเกจิอาจารย์ภาคเหนือแต่ละองค์ ที่ทางท่านเจ้าของนับถือ กราบไหว้บูชา ห้องสุดท้ายห้องศรีศักดิ์ เป็นห้องที่คุณศรีศักดิ์มอบของต่างๆ ที่เธอได้สะสมไว้เมื่อครั้งยังเป็นเด็กจนถึงชีวิตเมื่อแก่เฒ่า


สำหรับพิพิธภัณฑ์ ใครไปวันจันทร์อดดูนะครับ เพราะเขาปิด ส่วนวันธรรมดาอื่นๆ เข้าดูได้ตามปกติ

จาก พิพิธภัณฑ์ มาต่อกันที่สวนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกัน เป็นสวนที่ทำขึ้นมาจำลองระบบสุริยะ อันประกอบด้วยดวงอาทิตย์และวัตถุอื่นๆ ที่โคจรรอบดวงอาทิตย์ เนื่องจากแรงโน้มถ่วง ได้แก่ ดาวเคราะห์ อันได้แก่ ดาวเคราะห์ชั้นเอกทั้ง 8 ดวงในระบบสุริยะ เรียงลำดับจากใกล้ดวงอาทิตย์ที่สุดออกไปมีดังนี้ คือ ดาวพุธ ดาวศุกร์ โลกดาวอังคาร ดาวพฤหัสบดี ดาวเสาร์ ดาวยูเรนัส ดาวเนปจูน และดาวพลูโต

จากนั้นมาต่อที่ ท่าเรือ ที่นี่มีเรือปั่น หรือ จักรยานน้ำให้เช่า เรือปั่น 1 ลำสำหรับ 2 คน ในราคา 60 บาทต่อ 1 ชั่วโมง ซึ่งเด็กอายุต่ำกว่า 10 ปี หรือสูงไม่เกิน 135 เซนติเมตร ไม่ควรลงเรือโดยปราศจากผู้ปกครองหรือผู้ใหญ่นั่งไปด้วย และหากท่านใด ไม่ปฏิบัติตามกฎของ เจ้าหน้าที่จะยึดเรือคืน

ส่วนตอนหน้าจะพาไปลุยหลายสวนเด็ดๆ ที่อยู่ระหว่างทางปั่นจักรยานครับ



* aai_002.jpg (267.18 KB, 800x533 - ดู 190 ครั้ง.)

* aai_003.jpg (238.8 KB, 800x533 - ดู 220 ครั้ง.)

* aai_004.jpg (328.51 KB, 800x533 - ดู 225 ครั้ง.)

* aai_005.jpg (109.56 KB, 533x800 - ดู 209 ครั้ง.)

* aai_006.jpg (242.05 KB, 800x533 - ดู 193 ครั้ง.)
บันทึกการเข้า
konhuleg
บุคคลทั่วไป


อีเมล์
« ตอบ #2 เมื่อ: กันยายน 09, 2016, 10:01:41 AM »


เพื่อไม่เป็นการเสียเวลา มาต่อกันที่สวนกลครับ สวนกลถูกสร้างจากแนวความคิดที่ว่า กลไกต่างๆ สร้างมาจากธรรมชาติ โดยให้ผู้เดินเข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาทางออก พูดง่ายๆ ก็คือ สวนกลมีลักษณะเป็นเขาวงกตนั่นแหละ ฉะนั้นใครอย่าหลงทาง ก็เชิญเดินเข้าไปได้เลยตามสะดวก ฮ่าๆๆ

จากสวนกลมาที่ ศูนย์รวมพันธุ์ไม้ หรือ Center point ที่นี่แบ่งออกเป็น 4 กระโจมด้วยกัน ก่อนจะเดินเข้าไปชมต้นไม้ในกระโจม แต่ละกระโจม จะเห็นพญานาค  2 องค์ ทำด้วยไม้ดัดที่ถูกตัดแต่งให้เป็นพญานาค เลื้อยไปมาเป็นความยาว 1,320 เมตร  ความสูงของเศียรพญานาค ซึ่งวัดจากพื้น ประมาณ  5 เมตร

ต่อจากนั้นจึงเดินเข้าไปในกระโจมแต่ละกระโจม  ซึ่งกระโจมแรก ประกอบไปด้วย ต้นกล้วยไม้ป่า  ต้นสับปะรดสี ชนิดต่างๆ  ภายในกระโจมที่สอง เป็นน้ำตกจำลองซึ่งรายล้อมด้วยต้นเฟิร์น ปาล์ม ไม้ใบต่างๆ นาๆ  ใต้น้ำตกเต็มไป ด้วยฝูงปลาคราฟท์ที่แหวกว่ายไปมา สวยงามเป็นอย่างมาก กระโจมสาม เต็มไปด้วยไม้ใบชนิดต่างๆ เช่น ฟิโลเดนดรอน เฟิร์น ต้นหม้อข้าวหม้อแกงลิง รองเท้านารี  อโกลนีมา หน้าวัวใบ ระหว่างออกจากกระโจมที่สาม ไปที่ กระโจมสี่ จะมีกล้วยไม้เดิน หวาย  แคทลียา  และเข้าสู่กระโจมที่สี่ซึ่งเต็มไปด้วนพวกแคคตัสและไม้อวบน้ำ จำนวนกว่า  200 ชนิด

สำหรับผู้ที่ไม่ค่อยมีเวลามากนัก  พนักงานจะแนะนำให้เข้าชมที่เซนเตอร์พอยท์ ซึ่งเป็นที่รวมพันธ์ไม้ทุกชนิดแบบ ย่อมา ลงไว้ที่บริเวณนี้  บางครั้งบางคราวจะมีครอบครัวที่พาลูกหลานมาเที่ยวถือโอกาสยึดพื้นที่นั่งพักเป็นที่ปิคนิค อย่างสนุกสนาน

สวนหิน ตรงนี้ตรงจุดศูนย์กลางสวนมีหินตะกอน จากกาญจนบุรี ตั้งตระหง่านโชว์อยู่ โดยหินตะกอน เป็นหินที่เกิดจากการตกตะกอนของเม็ดแร่ที่ได้จากการผุพังของหินชนิดใดก็ได้ที่ผิวโลก และถูกพัดพาไปโดย น้ำ ลม หรือธารน้ำแข็ง แล้วจับตัวกันแข็งเป็นหิน หรือ เกิดจากการตกตะกอนทางเคมีของสารละลายจากในน้ำ ในลำธาร ทะเล หรือมหาสมุทร เนื่องจากปฏิกิริยาทางเคมีหรือการระเหยของน้ำ ที่อุณหภูมิปกติบนผิวโลก ลักษณะเด่นของหินตะกอน คือ การเกิดเป็นชั้น อาจมีซากดึกดำบรรพ์ หรือแสดงลักษณะโครงสร้างของการตกตะกอนตามลำดับอายุ

ทั้งนี้จากลักษณะที่หินตะกอนในประเทศไทยเรามักแสดงลักษณะชั้น (bed) เนื่องจากการตกตะกอนให้เห็นเด่นชัด จึงทำให้ในอดีตมีหลายท่านเรียกชื่อหินตะกอนเหล่านี้อีกอย่างหนึ่งว่า หินชั้น แต่ในปัจจุบันพบว่าการเรียกชื่อหินตะกอนว่าหินชั้นนั้น ไม่ค่อยเป็นที่นิยมสักเท่าไร ในทั่วไปนี้ให้ใช้ชื่อ หินตะกอน ในการเรียกชื่อหินตะกอนแทนคำว่าหินชั้น

แล้วมาต่อกันในตอนหน้ากับสวนอื่นๆ ครับ




* aa_3001.jpg (193.8 KB, 800x533 - ดู 196 ครั้ง.)

* aa_3002.jpg (202.89 KB, 800x533 - ดู 212 ครั้ง.)

* aa_3003.jpg (210.78 KB, 800x533 - ดู 185 ครั้ง.)

* aa_3004.jpg (53.82 KB, 533x800 - ดู 220 ครั้ง.)

* aa_3005.jpg (223.64 KB, 800x533 - ดู 210 ครั้ง.)

* aa_3006.jpg (92.79 KB, 533x800 - ดู 196 ครั้ง.)

* aa_3007.jpg (204.94 KB, 800x533 - ดู 218 ครั้ง.)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 09, 2016, 10:02:22 AM โดย art57110 » บันทึกการเข้า
konhuleg
บุคคลทั่วไป


อีเมล์
« ตอบ #3 เมื่อ: กันยายน 09, 2016, 10:04:00 AM »


สวนปาล์ม  ประกอบด้วยปาล์มนานาชนิดจากประเทศในอเมริกาใต้ และหมู่เกาะต่างๆ  มากมายกว่า 100 ชนิด ปาล์มที่น่าสนใจ เช่นเจ้าเมืองถลาง อ้ายหมี ตาลฟ้า ตาลกิ่ง พญาหนาม เหมือนกก สามทาง แฟทแมน  สเปนเดิล เคราฤาษี ขุนหมากรุก อินทผาลัม sallacca satakentia syaarus comosa sommieria livistona Muelleri  livistona decipiens Carpentaria   ตาลไทยก็ถูกจัดอยู่ในโซนเดียวกัน เช่น ตาลโตนด หมาหอม กระพ้อ ลานวัด ลานพุ หมากสง เต่าร้าง ชิงหลังขาว มะพร้าว มะพร้าวแคระ เป็นต้น  นอกจากนั้นจะเป็น  cycad  ชนิดต่างๆ บางต้นอายุกว่า  80 ปี

สวนไม้ประจำจังหวัด ประเทศไทยมี  76 จังหวัด ที่สวนนี้ก็มีไม้ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของแต่ละจังหวัดครบ 76 จังหวัด รวมทั้งคำขวัญประจำจังหวัด เริ่มต้นจากไม้ประจำจังหวัดภาคใต้ เช่น จังหวัดยะลา คือไม้โศกเหลือง  สตูล คือไม้กระซิก ภาคกลางกรุงเทพ ต้นไทรย้อย จังหวัดนครปฐม ต้นจันทร์หอม ภาคตะวันตกกาญจนบุรี ต้นขานาง  ภาคเหนือทองกวาว เป็นต้น  กิจกรรมที่จัดในสวนนี้เนือง ๆ คือการจัดแคมปิ้ง ณ ลานกิจกรรมซึ่งอยู่บริเวณ ไม้ประจำจังหวัดภาคกลาง และต่อด้วยไม้ประจำจังหวัดภาคเหนือ

สวนไม้มงคล และไม้หอม เป็นความเชื่อถือแบบโบราณของไทย ต้นไม้ใบหญ้าแทบทุกชนิดรอบๆ ตัวถือได้ว่าเป็นพืชสมุนไพรทั้งสิ้น เพียงแต่ว่าเราไม่ทราบว่าพืชชนิดนี้เป็นพืชอะไร มีสรรพคุณอย่างไร ต้นกุหลาบนึกว่าปลูกไว้เพื่อชมความสวยงาม ดมกลิ่นที่หอม กลับมีความหมายเป็นไม้มงคลที่กล่าวถึงความสง่างามความภาคภูมิใจในชีวิต ดอกปีบไม่เป็นแต่เพียงสมุนไพร แต่เป็นพืชไม้มงคลอันกล่าวถึงชื่อเสียงด้วยเช่นกัน พันธุ์ไม้ของไทยแต่ละชนิด มีความหมาย แม้กระทั่งทิศ จะให้เป็นมงคล ทางด้านทิศตะวันตกต้องปลูก ต้นมะขาม พุทรา จะได้ช่วยเสริมดวง ให้แคล้วคลาดจากสิ่งไม่ดี เป็นต้น

ดังนั้นในสวนฯ จึงได้จัดเป็นเนินสวนไม้หอมไม้มงคล ชนิดพันธุ์ไม้ที่เป็นทั้งไม้หอมและไม้มงคล เช่น พะยอม ดอกมีลักษณะมงคลคือ มีชื่อเสียงขจรไปไกล จำปี ไม้ดอกหอม ใช้ประกอบพิธีในงานมงคล โมก หมายถึงความสุขสงบ ป้องกันพิษภัย อันตรายจากสัตว์ร้าย / ดอกหอม รสสุคนธ์ขาว หมายถึงผู้ที่มีความบริสุทธิ์ทั้งกายและใจ / ดอกหอม พุดซ้อน หมายถึงการมีสุขภาพดี มีความเจริญรุ่งเรืองมั่นคง / ดอกหอม มณฑา ดอกไม้จากสรวงสวรรค์ ป้องกันสิ่งเลวร้าย / ดอกหอม ชวนชม คนนิยมชมชอบ มีเสน่ห์ สุพรรณิการ์ สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองคนในบ้าน มะตูม ป้องกันเสนียดจัญไร ภูตผีปีศาจ เข็มขาว หมายถึงความดีงาม ความฉลาดหลักแหลม มะขาม อายุยืนยาว ป้องกันคนถ่อย กัลปพฤกษ์ ความสำเร็จ กระบองเพชร เป็นไม้เสี่ยงทาย ป้องกันอันตราย วาสนาอธิษฐาน มีความรู้สมปรารถนาในชีวิต ชวนชม คนนิยมชมชอบ มีเสน่ห์  โป๊ยเซียน นำโชคลาภมาสู่คนในบ้าน สะเดา ป้องกันภูติผี และสิ่งเลวร้าย ชงโค ความดีงาม ความอดทน ฯลฯ

แล้วมาต่อกันตอนที่ 5 ครับ



* aa_5001.jpg (280.69 KB, 800x533 - ดู 210 ครั้ง.)

* aa_5002.jpg (284.83 KB, 800x533 - ดู 245 ครั้ง.)

* aa_5003.jpg (263.28 KB, 800x533 - ดู 208 ครั้ง.)

* aa_5004.jpg (200.65 KB, 800x533 - ดู 221 ครั้ง.)

* aa_5005.jpg (243.65 KB, 800x533 - ดู 223 ครั้ง.)

* aa_5006.jpg (136.33 KB, 800x533 - ดู 204 ครั้ง.)

* aa_5007.jpg (289.28 KB, 800x533 - ดู 195 ครั้ง.)
บันทึกการเข้า
konhuleg
บุคคลทั่วไป


อีเมล์
« ตอบ #4 เมื่อ: กันยายน 09, 2016, 10:05:47 AM »


ขอมาคั่นเบรกจากสวนพันธุ์ไม้ มาเป็นสวนสัตว์กันบ้างนะครับ เนื่องจากสวนทวีชลก็มีสวนสัตว์ขนาดเล็กให้ได้ชมแก้เลี่ยนจากสวนดอกไม้

สัตว์ที่นี้ ส่วนใหญ่จะเป็นสัตว์ปีก และสัตว์ตระกูลกวางครับ สัตว์ปีกเด่นๆ ก็ไล่ไปตั้งแต่ นกยูงไทย เป็นไก่ฟ้าขนาดใหญ่ที่พบในป่าเขตร้อนของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นญาติใกล้ชิดกับนกยูงอินเดียหรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่านกยูงสีฟ้า (ชื่อ ที่ส่วนมากพบในอนุทวีปอินเดีย ไก่ฟ้าหลังขาว เป็นนกในวงศ์ไก่ฟ้าและนกกระทา (Phasianidae) ที่พบในป่าในภูมิภาคอินโดจีน และทางตะวันออกและทางใต้ของจีน ถูกนำเข้าไปในรัฐฮาวายและในบางส่วนของสหรัฐอเมริกา ตัวผู้มีสีดำและขาว ตัวเมียมีสีน้ำตาล ทั้งสองเพศมีหน้ากากหนังสีแดงที่หน้า ขามีสีแดง เป็ดแมนดาริน นกชนิดหนึ่งที่มีความสวยงามที่สุดในโลก เป็นนกที่จัดอยู่ในประเภทขนาดกลาง มีความยาวลำตัวเมื่อโตเต็มที่ประมาณ 48 เซนติเมตร ในฤดูผสมพันธุ์ตัวผู้จะมีสีฉูดฉาดหลายสี ซึ่งแต่ละสีตัดกันเห็นเด่นชัดสวยงามมาก โดยหน้าผากและหัวเป็นสีทองแดง, สีม่วง และเขียวเหลือบเป็นมันเงา และมีขนปีกสีส้มขนาดใหญ่ดูคล้ายเป็นแผงข้างละเส้นงามสะดุดตา และจะสวยงามในฤดูผสมพันธุ์เท่านั้น ขณะที่ตัวเมียจะมีขนาดตัวย่อมลงมาและสีสันไม่ฉูดฉาดเท่า ไก่ฟ้าพญาลอ เป็นไก่ฟ้าที่มีความสวยงามที่สุดชนิดหนึ่งของประเทศไทย เป็นไก่ขนาดกลาง ยาวประมาณ 80 ซม. ตัวผู้มีหน้ากากสีแดงสด บนหัวมีเส้นขนแตกพุ่มตรงปลายสีดำเหลือบน้ำเงินยาวโค้งไปด้านหลัง ปากสีเหลืองขุ่น รอบคางใต้หน้ากากลงมามีขนสีดำ ลำตัวด้านบน อก คอ และปีกมีสีเทา
นกตัวใหญ่ๆ ก็มีนะฮะ อย่าง นกกระจอกเทศ ฮ่าๆๆ ที่มีถิ่นกำเนิดในทวีปแอฟริกา หัวเล็ก คอยาว ตาโต ขนตายาว มีขาใหญ่แข็งแรง บินไม่ได้แต่วิ่งได้เร็ว หากินในทุ่งกว้างเป็นฝูงใหญ่ อยู่ร่วมฝูงกับม้าลายและยีราฟ

ส่วนสัตว์ในตระกูลกวางเด่นๆ มีกวางรูซา เป็นสกุลของกวางในสกุล Rusa พบกระจายพันธฺุ์ในทางตอนใต้ของทวีปเอเชีย มักจะได้รับการจัดให้อยู่ในสกุล Cervus แต่จากการศึกษาทางพันธุกรรมพบว่า สมควรจัดให้อยู่ในสกุลนี้ แบ่งออกได้เป็น 4 ชนิด โดย 3 ชนิดมีการกระจายค่อนข้างแคบในฟิลิปปินส์และอินโดนีเซีย แต่จะมีจำนวนประชากรเพิ่มมากขึ้นทางด้านอินเดียตะวันออกและทางตอนใต้ของจีนและทิศใต้ของหมู่เกาะซุนดา ทั้งหมดกำลังถูกคุกคามจากการสูญเสียถิ่นที่อยู่อาศัยและการล่าสัตว์

นอกจากนี้ก็ยังมีอูฐ เป็นอูฐที่มีถิ่นที่อยู่ในออสเตรเลียและตะวันออกกลาง และควายไทยแบบบ้านๆ ให้เราได้ชมกัน

แล้วมาต่อตอนสุดท้ายให้จบกันครับ




* aa_6001.jpg (314.37 KB, 800x533 - ดู 192 ครั้ง.)

* aa_6002.jpg (309.06 KB, 800x533 - ดู 197 ครั้ง.)

* aa_6003.jpg (260.37 KB, 800x533 - ดู 192 ครั้ง.)

* aa_6004.jpg (240.65 KB, 800x533 - ดู 223 ครั้ง.)

* aa_6005.jpg (111.57 KB, 533x800 - ดู 184 ครั้ง.)

* aa_6006.jpg (183.96 KB, 800x533 - ดู 228 ครั้ง.)
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ขึ้นบน พิมพ์ 
จองที่พักราคาถูกทั่วประเทศโทร 053266550-2  |  เชียงใหม่ - ข้อมูลเกี่ยวกับเชียงใหม่ - ที่พัก โรงแรม การเดินทาง วัดจังหวัดเชียงใหม่ ร้านอาหาร สถานที่เที่ยวกลางวัน กลางคืน ฯลฯ  |  แนะนำ แหล่งท่องเที่ยว เส้นทาง ดอยสะเก็ด-เชียงราย  |  หัวข้อ: กวักมือชวน เที่ยวสวนทวีชล ฉบับเต็ม « หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  




Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.5 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.092 วินาที กับ 19 คำสั่ง