ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
พฤศจิกายน 27, 2024, 07:27:13 AM
หน้าแรก ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก
ข่าว: ประกาศ ปัมพ์โพสต์ตอบแต่ emoticon ต่อเนื่อง เพื่อจะให้กระทู้ตัวเองมาอยู่อันดับต้นๆ ประจำ รับสิทธิ์โดนแบน 90 วันครับ


จองที่พักราคาถูกทั่วประเทศโทร 053266550-2  |  เชียงใหม่ - ข้อมูลเกี่ยวกับเชียงใหม่ - ที่พัก โรงแรม การเดินทาง วัดจังหวัดเชียงใหม่ ร้านอาหาร สถานที่เที่ยวกลางวัน กลางคืน ฯลฯ  |  วัดในจังหวัดเชียงใหม่  |  หัวข้อ: ชมสถาปัตยกรรมงามสะดุดตาแบบล้านนาๆ ณ “วัดโลกโมฬี” 0 สมาชิก และ 4 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้ « หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: 1 ลงล่าง พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: ชมสถาปัตยกรรมงามสะดุดตาแบบล้านนาๆ ณ “วัดโลกโมฬี”  (อ่าน 10007 ครั้ง)
lady darika
Full Member
***
กระทู้: 232


ดูรายละเอียด
« เมื่อ: กุมภาพันธ์ 07, 2014, 01:29:04 AM »


ชมสถาปัตยกรรมงามสะดุดตาแบบล้านนาๆ ณ “วัดโลกโมฬี”

บริเวณโดยรอบคูเมืองเชียงใหม่เป็นที่ตั้งของวัดต่างๆ มากมาย สะท้อนให้เห็นถึงความเจริญรุ่งเรืองของพระพุทธศาสนาของดินแดนล้านนาในอดีต ซึ่งเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งที่ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และชาวต่างประเทศให้เดินทางมาเที่ยวเชียงใหม่ ครั้งนี้ขอพาเพื่อนๆ ไปรู้จักวัดอีกแห่งหนึ่งที่มีความโดดเด่นทางด้านสถาปัตยกรรม ใครผ่านไปผ่านมาก็อดเหลียวหลังไปชมความงามไม่ได้

วัดโลกโมฬี ตั้งอยู่ทางทิศเหนือของคูเมือง ติดกับถนนมณีนพรัตน์ ตำบลศรีภูมิ อำเภอเมืองเชียงใหม่ เป็นวัดสำคัญตั้งแต่สมัยโบราณ ภาพแรกที่เห็นเมื่อผ่านวัดนี้คือพระเจดีย์องค์ใหญ่ ตั้งอยู่ด้านหลังพระวิหารแบบล้านนาที่งดงามหมดจด ด้านหน้ามีซุ้มประตูโขงตกแต่งด้วยลายปูนปั้นวิจิตร ขนาบข้างด้วยยักษ์สีเขียว และแดงสะดุดตา วัดนี้ไม่ปรากฏหลักฐานแน่ชัดว่าสร้างขึ้นในสมัยใด แต่ปรากฏชื่อ “วัดโลกโมฬี” ในจารึกและตำนานจากหลายแหล่ง พอจะสรุปได้ดังนี้


ตำนานของวัดพระธาตุดอยสุเทพ ได้กล่าวเอาไว้ว่าในปี พ.ศ. 1910 พญากือนา กษัตริย์องค์ที่ 6 แห่งราชวงศ์มังราย ซึ่งเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนามาก จึงทรงโปรดให้อาราธนาพระเถระจากเมืองเมาะตะมะมาสืบพระศาสนาในดินแดนล้านนา ซึ่งพระรูปนั้นได้จำพรรษาที่วัดโลกโมฬีแห่งนี้

ตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่บันทึกเอาไว้ว่า ในปี พ.ศ. 2071 พระเมืองแก้ว กษัตริย์องค์ที่ 12 แห่งราชวงศ์มังราย   ทรงโปรดให้สร้างพระมหาเจดีย์ และพระวิหารหลวง เพื่อใช้ประกอบศาสนกิจของพุทธศาสนิกชน หลังจากนั้นพระองค์ถูกลอบปลงพระชนม์ในปี พ.ศ. 2088 มีพิธีถวายพระเพลิงที่วัดแสนพอก และนำพระอัฐิมาไว้ที่วัดโลกโมฬีแห่งนี้

ซุ้มประตูโขงหน้าวัด

พงศาวดารโยนกบันทึกไว้ว่า ในปี พ.ศ. 2149 มังนราช่อ กษัตริย์พม่าผู้ครองเชียงใหม่ (สาวัตถีนรถามังคะยอ) ราชบุตรของพระเจ้าบุเรงนอง ให้คนบ้านแปะ (ปัจจุบันอยู่ในอำเภอจอมทอง) และพวกยางดอยเป็นผู้คอยดูแลวัดโลกโมฬี

ราวปี พ.ศ. 2484 วัดโลกโมฬีถูกปล่อยร้าง ไม่มีพระสงฆ์จำพรรษานานกว่า 60 ปี ที่ดินของวัดซึ่งเคยมีหลายสิบไร่ถูกยึดครองโดยชาวบ้าน และเอกชน จนทำให้ในปัจจุบันวัดนี้เหลือพื้นที่เพียง 4 ไรเท่านั้น

ต่อมาในปี พ.ศ. 2544 วัดโลกโมฬีได้รับการบูรณะใหม่ และกลับมามีพระสงฆ์จำพรรษาอีกครั้ง มีพิธีหล่อพระพุทธรูป “พระพุทธสันติจิรบรมโลกนาถ” ประดิษฐานในพระวิหาร และจัดกิจกรรมเทศน์มหาชาติในเทศกาลยี่เป็งขึ้นเป็นครั้งแรกอีกด้วย

พระเจดีย์วัดโลกโมฬี

ปูนปั้นเทวดายืนพนมมือ

พระธาตุปีเกิดจำลอง

พระเจดีย์ สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2071 ในรัชสมัยพระเมืองแก้ว ตั้งอยู่ทางทิศเหนือของวัด เป็นเจดีย์ทรงปราสาทแบบล้านนา รอบๆ ฐานพระเจดีย์มีพระธาตุประจำปีเกิดจำลองประดิษฐานไว้ให้ผู้คนสักการะ ฐานพระเจดีย์ทรงสี่เหลี่ยม มีสิงห์เฝ้าอยู่ทั้งสี่มุม เรือนธาตุสี่เหลี่ยมยกเก็จ แต่ละมุมประดับด้วยปูนปั้นเทวดาสององค์อยู่ในท่าพนมมือ ทั้งสี่ด้านมีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่ในซุ้มจระนำ ส่วนยอดเป็นฉัตรสีทองห้าชั้น

พระวิหารแบบล้านนาสวยงามมาก

หน้าบันของวิหารหลวงปราณีตมาก


พระวิหารสร้างขึ้นพร้อมพระเจดีย์ ต่อมาถูกสร้างขึ้นใหม่ทดแทนหลังเก่า ในช่วงการบูรณะวัดในปี พ.ศ. 2544 สถาปัตยกรรมไม้สักศิลปะล้านนา ประณีตงดงาม หน้าบันโดดเด่นด้วยลายปูนปั้นสีขาวเล่าพุทธประวัติ ประดับด้วยกระจกสี ตัดกับส่วนอื่นๆ ของพระวิหารซึ่งเป็นสีดำได้อย่างลงตัว ด้านหน้ามีตุงปูนปั้นตั้งอยู่สองข้าง บันไดทางเข้าเป็นมกรคายนาค ภายในประดิษฐาน “พระพุทธสันติจิรบรมโลกนาถ” ซึ่งบรรจุพระบรมสารีริกธาตุไว้บนพระเมาลี (มวยผม)

ภายในพระวิหาร

มณฑปพระมหาเทวีจิระประภา

หอมณฑปพระนางเจ้าจิรประภามหาเทวี อยู่ติดกำแพงวัดด้านหน้า ประดิษฐานพระรูปของพระนางจิระประภามหาเทวี ในรัชสมัยของพระนาง พระนางได้อุปถัมภ์วัดแห่งนี้มาโดยตลอด

กุฏิสงฆ์และกุฏิสมเด็จ

กุฏิสงฆ์และกุฏิสมเด็จ ตั้งอยู่ทิศตะวันตกของวัด ศิลปะล้านนา ตกแต่งด้วยลายปูนปั้นที่อ่อนช้อยสวยงาม และบริเวณด้านบนซุ้มประตูประดิษฐานรูปปั้นพระเมืองแก้ว


แม้ว่าวัดโลกโมฬีจะเป็นวัดที่ถูกบูรณะมาได้ไม่นาน ปูชนียสถานส่วนใหญ่เป็นของใหม่ แต่ก็มีความงามไม่แพ้วัดเก่าๆ ในคูเมือง ปัจจุบันเป็นศูนย์กลางการศึกษาศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้าน และจัดกิจกรรมในเทศกาลสำคัญๆ อยู่เสมอ เช่น ประเพณีปี๋ใหม่เมือง ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ประเพณียี่เป็ง ในช่วงเทศกาลลอยกระทง การบรรพชาสามเณรภาคฤดูร้อน และการทำบุญอยู่วัดในวันสำคัญทางศาสนา

เรื่องและภาพโดย เลดี้ ดาริกา  :111:
บันทึกการเข้า
parsuk
Hero Member
*****
กระทู้: 1447


ดูรายละเอียด อีเมล์
« ตอบ #1 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 07, 2014, 10:18:47 AM »


ขอบคุณที่นำเสนอ ข้อมูล วัดเชียงใหม่ ที่น่าไปสักการะครับ


* wat_lokmolee_111.jpg (147.18 KB, 413x615 - ดู 2346 ครั้ง.)

* wat_lokmolee_11.jpg (146.07 KB, 413x615 - ดู 2084 ครั้ง.)

* wat_lokmolee_1.jpg (96.94 KB, 413x615 - ดู 2313 ครั้ง.)
บันทึกการเข้า

touring
Full Member
***
กระทู้: 147



ดูรายละเอียด
« ตอบ #2 เมื่อ: มิถุนายน 16, 2014, 10:29:25 AM »


ชมสถาปัตยกรรมงามสะดุดตาแบบล้านนาๆ ณ “วัดโลกโมฬี”

บริเวณโดยรอบคูเมืองเชียงใหม่เป็นที่ตั้งของวัดต่างๆ มากมาย สะท้อนให้เห็นถึงความเจริญรุ่งเรืองของพระพุทธศาสนาของดินแดนล้านนาในอดีต ซึ่งเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งที่ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และชาวต่างประเทศให้เดินทางมาเที่ยวเชียงใหม่ ครั้งนี้ขอพาเพื่อนๆ ไปรู้จักวัดอีกแห่งหนึ่งที่มีความโดดเด่นทางด้านสถาปัตยกรรม ใครผ่านไปผ่านมาก็อดเหลียวหลังไปชมความงามไม่ได้

วัดโลกโมฬี ตั้งอยู่ทางทิศเหนือของคูเมือง ติดกับถนนมณีนพรัตน์ ตำบลศรีภูมิ อำเภอเมืองเชียงใหม่ เป็นวัดสำคัญตั้งแต่สมัยโบราณ ภาพแรกที่เห็นเมื่อผ่านวัดนี้คือพระเจดีย์องค์ใหญ่ ตั้งอยู่ด้านหลังพระวิหารแบบล้านนาที่งดงามหมดจด ด้านหน้ามีซุ้มประตูโขงตกแต่งด้วยลายปูนปั้นวิจิตร ขนาบข้างด้วยยักษ์สีเขียว และแดงสะดุดตา วัดนี้ไม่ปรากฏหลักฐานแน่ชัดว่าสร้างขึ้นในสมัยใด แต่ปรากฏชื่อ “วัดโลกโมฬี” ในจารึกและตำนานจากหลายแหล่ง พอจะสรุปได้ดังนี้


ตำนานของวัดพระธาตุดอยสุเทพ ได้กล่าวเอาไว้ว่าในปี พ.ศ. 1910 พญากือนา กษัตริย์องค์ที่ 6 แห่งราชวงศ์มังราย ซึ่งเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนามาก จึงทรงโปรดให้อาราธนาพระเถระจากเมืองเมาะตะมะมาสืบพระศาสนาในดินแดนล้านนา ซึ่งพระรูปนั้นได้จำพรรษาที่วัดโลกโมฬีแห่งนี้

ตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่บันทึกเอาไว้ว่า ในปี พ.ศ. 2071 พระเมืองแก้ว กษัตริย์องค์ที่ 12 แห่งราชวงศ์มังราย   ทรงโปรดให้สร้างพระมหาเจดีย์ และพระวิหารหลวง เพื่อใช้ประกอบศาสนกิจของพุทธศาสนิกชน หลังจากนั้นพระองค์ถูกลอบปลงพระชนม์ในปี พ.ศ. 2088 มีพิธีถวายพระเพลิงที่วัดแสนพอก และนำพระอัฐิมาไว้ที่วัดโลกโมฬีแห่งนี้

ซุ้มประตูโขงหน้าวัด

พงศาวดารโยนกบันทึกไว้ว่า ในปี พ.ศ. 2149 มังนราช่อ กษัตริย์พม่าผู้ครองเชียงใหม่ (สาวัตถีนรถามังคะยอ) ราชบุตรของพระเจ้าบุเรงนอง ให้คนบ้านแปะ (ปัจจุบันอยู่ในอำเภอจอมทอง) และพวกยางดอยเป็นผู้คอยดูแลวัดโลกโมฬี

ราวปี พ.ศ. 2484 วัดโลกโมฬีถูกปล่อยร้าง ไม่มีพระสงฆ์จำพรรษานานกว่า 60 ปี ที่ดินของวัดซึ่งเคยมีหลายสิบไร่ถูกยึดครองโดยชาวบ้าน และเอกชน จนทำให้ในปัจจุบันวัดนี้เหลือพื้นที่เพียง 4 ไรเท่านั้น

ต่อมาในปี พ.ศ. 2544 วัดโลกโมฬีได้รับการบูรณะใหม่ และกลับมามีพระสงฆ์จำพรรษาอีกครั้ง มีพิธีหล่อพระพุทธรูป “พระพุทธสันติจิรบรมโลกนาถ” ประดิษฐานในพระวิหาร และจัดกิจกรรมเทศน์มหาชาติในเทศกาลยี่เป็งขึ้นเป็นครั้งแรกอีกด้วย

พระเจดีย์วัดโลกโมฬี

ปูนปั้นเทวดายืนพนมมือ

พระธาตุปีเกิดจำลอง

พระเจดีย์ สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2071 ในรัชสมัยพระเมืองแก้ว ตั้งอยู่ทางทิศเหนือของวัด เป็นเจดีย์ทรงปราสาทแบบล้านนา รอบๆ ฐานพระเจดีย์มีพระธาตุประจำปีเกิดจำลองประดิษฐานไว้ให้ผู้คนสักการะ ฐานพระเจดีย์ทรงสี่เหลี่ยม มีสิงห์เฝ้าอยู่ทั้งสี่มุม เรือนธาตุสี่เหลี่ยมยกเก็จ แต่ละมุมประดับด้วยปูนปั้นเทวดาสององค์อยู่ในท่าพนมมือ ทั้งสี่ด้านมีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่ในซุ้มจระนำ ส่วนยอดเป็นฉัตรสีทองห้าชั้น

พระวิหารแบบล้านนาสวยงามมาก

หน้าบันของวิหารหลวงปราณีตมาก


พระวิหารสร้างขึ้นพร้อมพระเจดีย์ ต่อมาถูกสร้างขึ้นใหม่ทดแทนหลังเก่า ในช่วงการบูรณะวัดในปี พ.ศ. 2544 สถาปัตยกรรมไม้สักศิลปะล้านนา ประณีตงดงาม หน้าบันโดดเด่นด้วยลายปูนปั้นสีขาวเล่าพุทธประวัติ ประดับด้วยกระจกสี ตัดกับส่วนอื่นๆ ของพระวิหารซึ่งเป็นสีดำได้อย่างลงตัว ด้านหน้ามีตุงปูนปั้นตั้งอยู่สองข้าง บันไดทางเข้าเป็นมกรคายนาค ภายในประดิษฐาน “พระพุทธสันติจิรบรมโลกนาถ” ซึ่งบรรจุพระบรมสารีริกธาตุไว้บนพระเมาลี (มวยผม)

ภายในพระวิหาร

มณฑปพระมหาเทวีจิระประภา

หอมณฑปพระนางเจ้าจิรประภามหาเทวี อยู่ติดกำแพงวัดด้านหน้า ประดิษฐานพระรูปของพระนางจิระประภามหาเทวี ในรัชสมัยของพระนาง พระนางได้อุปถัมภ์วัดแห่งนี้มาโดยตลอด

กุฏิสงฆ์และกุฏิสมเด็จ

กุฏิสงฆ์และกุฏิสมเด็จ ตั้งอยู่ทิศตะวันตกของวัด ศิลปะล้านนา ตกแต่งด้วยลายปูนปั้นที่อ่อนช้อยสวยงาม และบริเวณด้านบนซุ้มประตูประดิษฐานรูปปั้นพระเมืองแก้ว


แม้ว่าวัดโลกโมฬีจะเป็นวัดที่ถูกบูรณะมาได้ไม่นาน ปูชนียสถานส่วนใหญ่เป็นของใหม่ แต่ก็มีความงามไม่แพ้วัดเก่าๆ ในคูเมือง ปัจจุบันเป็นศูนย์กลางการศึกษาศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้าน และจัดกิจกรรมในเทศกาลสำคัญๆ อยู่เสมอ เช่น ประเพณีปี๋ใหม่เมือง ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ประเพณียี่เป็ง ในช่วงเทศกาลลอยกระทง การบรรพชาสามเณรภาคฤดูร้อน และการทำบุญอยู่วัดในวันสำคัญทางศาสนา

เรื่องและภาพโดย เลดี้ ดาริกา  :111:
บันทึกการเข้า

auto
Administrator
Hero Member
*****
กระทู้: 5733


**Chiang Mai, I love you**


ดูรายละเอียด
« ตอบ #3 เมื่อ: กรกฎาคม 13, 2019, 05:36:12 PM »


 :onio:
บันทึกการเข้า

หน้า: 1 ขึ้นบน พิมพ์ 
จองที่พักราคาถูกทั่วประเทศโทร 053266550-2  |  เชียงใหม่ - ข้อมูลเกี่ยวกับเชียงใหม่ - ที่พัก โรงแรม การเดินทาง วัดจังหวัดเชียงใหม่ ร้านอาหาร สถานที่เที่ยวกลางวัน กลางคืน ฯลฯ  |  วัดในจังหวัดเชียงใหม่  |  หัวข้อ: ชมสถาปัตยกรรมงามสะดุดตาแบบล้านนาๆ ณ “วัดโลกโมฬี” « หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  




Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.5 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.085 วินาที กับ 21 คำสั่ง